เป๊ปซี่ หนุ่มชาวลาว พ้นข้อสงสัยเชื่อมโยงกับเครือข่ายโกตี๋ ยันเป็นแค่ลูกจ้างยกของเท่านั้น
logo ข่าวอัพเดท

เป๊ปซี่ หนุ่มชาวลาว พ้นข้อสงสัยเชื่อมโยงกับเครือข่ายโกตี๋ ยันเป็นแค่ลูกจ้างยกของเท่านั้น

9,121 ครั้ง
|
29 มี.ค. 2560

จากกรณีที่วานนี้(28 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหนองคายได้นำตัวนายหัสดี ทิพะสอน หรือ เป๊ปซี่ หนุ่มชาวลาว อายุ 34 ปี คนงานโกดังขนส่งสินค้าไม่มีชื่อแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย มาสอบสวน เนื่องจากมีชื่อปรากฏอยู่ในรายการสนทนาระหว่างนายธีรชัย อุดรวิเชียร และ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจับกุมนายธีรชัยพร้อมพวกรวม 8 คนได้ก่อนหน้านี้

เมื่อเจ้าหน้าที่สอบสวนข้อเท็จจริงถึงเส้นทางการติดต่อผ่านทางไลน์กับนายธีรชัย และตรวจสอบกล่องสิ่งของ 7 กล่องที่นายธีรชัย นำมาฝากส่งไปยังประเทศลาวแล้วนั้น ระบุว่าเป็นอุปกรณ์เครื่องเสียง ทำให้นายหัสดี พ้นจากข้อสงสัยในความเชื่อมโยงกับกลุ่มของโกตี๋ แต่มีความผิดในการทำงานโดยผิดกฎหมาย

นายหัสดี กล่าวว่า หลังจากที่ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ชัดเจนแล้ว ก็ยืนยันว่าตนไม่รู้จักและไม่เกี่ยวข้องกับโกตี๋แต่อย่างใด อยากขอความเป็นธรรมให้ความบริสุทธิ์กับตนเองและครอบครัวเนื่องจากได้รับผลกระทบถูกมองว่าเป็นคนไม่ดีมีส่วนเกี่ยวข้องกับความวุ่นวาย ซึ่งไม่เป็นความจริง และตนเข้ามาอยู่ในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพียงแต่ทำงานผิดประเภท เนื่องจากก่อนหน้านี้ทำงานเป็นลูกจ้างที่ปั๊มน้ำมัน ขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวกับทางปั๊ม พอลาออกจากปั๊มมาทำงานกับโกดังส่งสินค้าก็ไม่ได้ไปแจ้งย้ายงานกับหน่วยงานรัฐ จึงทำให้มีความผิดตามกฎหมายแรงงาน และได้ถูกดำเนินคดีและเปรียบเทียบปรับไปเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม ด้านพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า หลังจากมีการตรวจสอบข้อความสนทนาในแอพพลิเคชั่นไลน์ จะพบว่าการติดต่อของนายธีรชัย กับคนกลุ่มนี้ มีการติดต่อกันจริง ชัดเจนว่าเรื่องนี้มีข้อเท็จจริงอยู่ ไม่ใช่การจัดฉาก ตัวนายหัสดีเอง ก็ยอมรับว่ามีการติดต่อกันจริง ส่วนจะมีการส่งเครื่องเสียงและอาวุธกันจริงหรือไม่นั้น ในการตรวจสอบก็จะต้องตรวจสอบต่อไป แต่ในข้อเท็จจริงหลังจากมีการตรวจค้น บางสื่อบางฉบับก็พูดกันว่าเป็นการจัดฉาก จึงขอยืนยันว่าการจับกุมครั้งนี้มีหลักฐานจริง และเป็นการสืบสวนขยายผลจริง

 

ส่วนประเด็นของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋  พ.ต.อ.ไพสิฐระบุว่า เดิมเจ้าหน้าที่มีหมายจับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อยู่แล้ว ส่วนคดีใหม่นี้ หากสามารถออกหมายจับได้ ก็จะต้องมีการประสานต่อไป ส่วนที่มีข่าวว่านายวุฒิพงศ์เดินทางออกจาก สปป.ลาว ไปแล้วนั้น ทางการข่าวก็ยังต้องพิสูจน์ทราบว่าจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากทราบที่อยู่ที่ชัดเจนแล้ว ก็จะต้องมีการประสานกับส่วนต่างๆต่อไป

 

 

 

ภาพ - มติชน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง