เมื่อเวลา 19.15 น. วันที่ 1 ธันวาคม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และประธาน ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงข่าวผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ กรณีเกิดเหตุความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร และ ปริมณฑล ร่วมด้วยนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมแถลงข่าว
พล.ต.อ.ประชาอ่านแถลงการณ์ว่า ตามที่พี่น้องประชาชน ทราบดีว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้ต้องหาคดีอาญาสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง บุกรุกสถานที่ราชการ ปัจจุบันบุกยึดสถานีโทรทัศน์ใช้กำลังประทุษร้ายบังคับให้ออกอากาศตามความต้องการของตน เข้ายึดสถานที่ราชการ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายดูแลความมั่นคง
ขอเรียนให้ประชาชนทราบว่า ตามที่นายสุเทพ แถลงว่ารัฐบาลไม่เคารพศาลรัฐธรรมนูญกรณีแก้ไขที่มาของ ส.ว.นั้น ขอแจ้งให้ทราบว่า รัฐบาลไม่เคยมีแถลงการณ์ใดๆ หรือมีการแสดงใดๆ ที่เป็นการไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ การแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภา ไม่ใช่รัฐบาล
เรื่องร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ขอเรียนว่า ร่างพระราชบัญญัตินี้ ไม่ใช่ร่างของคณะรัฐมนตรี แต่เป็นร่างของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นอำนาจนิติบัญญัติ แยกออกจากอำนาจฝ่ายบริหาร และขณะนี้ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า วุฒิสภาไม่รับหลักการร่างฯ ฉบับนี้ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ไม่สนับสนุนร่างฯ ฉบับนี้ต่อไป ถือได้ว่าร่างฯ ฉบับนี้ตกไป ไม่มีโอกาสบังคับใช้แน่นอนแล้ว
การที่นายสุเทพ บอกว่า ให้วันพรุ่งนี้(2 ธ.ค.)เป็นวันหยุดราชการนั้น ขอยืนยันว่า ในวันพรุ่งนี้หน่วยงานราชการจะเปิดทำการตามปกติ และจากที่ขอให้สื่อโทรทัศน์เลิกการนำเสนอข่าวของรัฐบาล และให้นำมาเสนอเหตุการณ์ของการชุมนุมนั้น ขอเรียนว่า นายสุเทพไม่มีอำนาจรัฐตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ที่จะสั่งให้สื่อโทรทัศน์หยุดนำเสนอข่าวของรัฐบาลไม่ด้
และตามที่นายสุเทพ อ้างการชุมนุมเป็นการใช้สิทธิตามมาตรา 69 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ขอเรียนให้พี่น้องทราบว่า มาตรา 69 มีความดังนี้ "บุคคลมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธี ซึ่งการกระทำใดๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ" คือการกระทำนั้นต้องเป็นการกระทำโดยสันติวิธี แต่วิธีการที่นายสุเทพ และการนำบุคคลอื่น นำมวลชนเข้ายึด พยายามเข้ายึดสถานที่ราชการ สถานีโทรทัศน์ หรือสถานที่ของรัฐบาลอื่นใด มิได้เป็นไปโดยสันติวิธี มีการใช้กำลัง พยายามพังผนังกั้นที่ทำด้วยปูน มีการขว้างระเบิดปิงปองเข้าไปยังหน่วยรักษาความปลอดภัย
และรัฐบาลชุดนี้ เข้ามาเป็นรัฐบาลโดยผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญ และรัฐบาลไม่ได้กระทำใดเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในทางตรงข้าม การดำเนินการที่กล่าวมาของนายสุเทพ ที่ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างอำนาจบริหาร หรือให้ฝ่ายบริหารใช้อำนาจดังกล่าวไม่ได้ เป็นการกระทำที่เข้าองค์ประกอบความผิดการเป็นกบฏ ตามมาตรา 113 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มีโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
กรณีความรุนแรงที่ถนนรามคำแหง และที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถานนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อสืบทราบขยายผลในการเข้าจับกุมของผู้กระทำผิด ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้บงการ และผู้กระทำความผิดได้ในไม่ช้า ขณะนี้ตำรวจได้แจ้งให้ทราบแล้วว่า มีผู้เสียชีวิต 3 ราย มีฝ่าย นปช.2 ราย และฝ่ายชุมนุมอีก 1 ราย และจากสถานการณ์ที่มีความรุนแรงในเขตพื้นที่ดังกล่าวข้างต้นนั้น
จากการสืบทราบของหน่วยข่าวกรอง และหน่วยความมั่นคง พบว่ามีความพยายามของกลุ่มบุคคลที่สาม ที่พยายามใช้สถานการณ์ดังกล่าวก่อความไม่สงบ โดยเชื่อว่าอาจมีการกระทำที่รุนแรง และอาจจะมีการใช้อาวุธที่เป็นอันตรายต่อพี่น้องประชาชนและผู้ชุมนุม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเกลียดชังต่อรัฐบาล และเพื่อเป็นการยกระดับสถานการณ์
ดังนั้น หลังเวลา 22.00-05.00 น.ของวันใหม่ หากไม่มีความจำเป็น ขอให้พี่น้องประชาชนไม่ควรออกนอกเคหสถาน ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และไม่ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มบุคคลที่สามดังกล่าว
รัฐบาลขอประกาศว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ไว้ด้วยความเรียบร้อย อย่างไรก็ดี รัฐบาลมีความปรารถนาดีที่จะรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พวกเราทุกคนจะหันหน้าเข้ามาปรึกษาหารือ และเพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน
จึงกราบเรียนมาเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีความมั่นใจ และมีความสบายใจว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของพี่น้องประชาชนทุกคน ดังนั้น รัฐบาลจึงให้ความสำคัญต่อการตัดสินใจด้วยการรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย โดยยึดเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง
รัฐบาลขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า จะทำหน้าที่ในการปกป้องพี่น้องประชาชน และจะนำมาซึ่งความปกติสุขโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ เพื่อให้พสกนิกรชาวไทยทุกคนได้มีความพร้อมที่จะถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ที่จะถึงนี้
จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน