มูลนิธิกระจกเงา นำ 3 ครอบครัวที่ลูกหายไปนานเกิน 10 ปี ตรวจดีเอ็นเอของพ่อแม่เก็บไว้ เพื่อเป็นเบาะแสเด็กหายในอนาคต ในการนำมาเปรียบเทียบได้ทันที
นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงานำครอบครัวเด็กหาย 3 ครอบครัวที่ลูกหายออกจากบ้านไปนานเกิน 10 ปี มาตรวจสารพันธุกรรม หรือ ดีเอ็นเอ เก็บไว้ เพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลติดตามได้ทันทีหากมีเบาะแส โดยพลตำรวจตรีนายแพทย์พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ระบุว่า กรณีเด็กหายไปจากครอบครัว ขอให้พ่อแม่เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อยืนยันว่าเด็กหายไปจริง แล้วให้นำใบแจ้งความมาตรวจดีเอ็นเอเพื่อเก็บข้อมูล ตามโครงการศูนย์ตรวจพันธุกรรมเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ ซึ่งหากมีการพบเด็กที่ไม่ทราบตัวบุคคลชัดเจน สงสัยว่าถูกลักพาหรือล่อลวงไป จะทำการตรวจสารพันธุกรรมของเด็ก จากนั้นบันทึกข้อมูลสารพันธุกรรมลงไปตรวจสอบในระบบฐานข้อมูล ซึ่งโปรแกรมตรวจสอบจะประมวลผลว่าตรงกับสารพันธุกรรมของผู้ปกครองที่เก็บไว้ในระบบหรือไม่ หากพบจะรายงานผลว่าเป็นสายสัมพันธ์ผู้ใด หากยังไม่พบก็จะยังเก็บไว้ในระบบฐานข้อมูลเพื่อรอให้โปรแกรมตรวจสอบเปรียบเทียบกับข้อมูลที่อาจมีการแจ้งเพิ่มเติมเข้ามาในภายหลัง
ทั้งนี้ ยืนยันที่ผ่านมา มีการประสานหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.และมูลนิธิกระจกเงา เพื่อให้ข้อมูล และมีการเก็บฐานข้อมูลดีเอ็นเอของพ่อแม่แล้วกว่า 1,000 ราย ขณะที่พันตำรวจเอกชัยวัฒน์ บูรณะ ผู้กำกับการฝ่ายทะเบียนประวัติอาชญากร 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การสเก็ตภาพเด็กที่หายไปกว่า 10 ปี เป็นภาพปัจจุบันนั้น ก็เพื่อเป็นเบาะแสในการช่วยติดตามตัว แต่จะเหมือนลักษณะปัจจุบันของเด็กหรือไม่ค่อนข้างยาก แต่ยืนยันว่ามีความคล้ายกว่า 70% เนื่องจากเจ้าหน้าที่วิเคราะห์จากโครงสร้างและสัดส่วนของใบหน้าตามหลักวิทยาศาสตร์ ส่วนด้านพ่อแม่ทั้งสามราย ยังคงมีหวังว่าจะพบลูกอีกครั้ง พร้อมขอให้ประชาชนหรือผู้ใดพบเห็นบุคคลตามภาพสเก็ตให้แจ้งมูลนิธิกระจกเงาเพื่อทำการตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้ สถิติเด็กหายย้อนหลังของมูลนิธิกระจกเงา ในปี 2558 มีเด็กหายทั้งสิ้น 592 ราย เป็นเด็กชาย 155 ราย เป็นเด็กหญิง 437 ราย ส่วนในปี 2559 ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงสิ้นเดือนกรกฏาคม ที่ผ่านมา รับแจ้งเด็กหายรวม 264 ราย แบ่งเป็นเด็กชาย 67 ราย และเด็กหญิง 197 ราย
+ อ่านเพิ่มเติม