“...เราปล่อยให้ความแตกต่างมาทำให้คุณค่าความเป็นมนุษย์ลดด้อยลง
เปลี่ยนมันให้กลายเป็นความบาดหมาง จนทำร้าย
ทั้งร่างกายและจิตใจมาจนถึงปัจจุบัน...“
บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาเรื่อง Attack on Titan
ภาพจาก อนิเมะ Attack on Titan Season 3
ว่ากันว่า มนุษย์ เป็นเผ่าพันธุ์ที่สรรหาวิถีทางในการสรรสร้าง และทำลายล้างได้เก่งกาจที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งมวล การทำลายล้างที่โหดร้ายที่สุดก็คงหนีไม่พ้น การทำลายล้างชีวิตของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง เมื่อย้อนไปดูในประวัติศาสตร์ จุดเริ่มต้นมาจากสิ่งแสนเรียบง่าย คือ การหาความชอบธรรมในการฆ่า และวิธีการให้ความชอบธรรมนั้นเกิดขึ้นก็คือ การลดคุณค่าของฝ่ายตรงข้ามให้ต่ำต้อยกว่าการเป็นมนุษย์ เมื่อต้อยต่ำกว่า เมื่อผลักให้เป็นความชั่วร้าย เมื่อนั้นการทำลายก็เริ่มชอบธรรมขึ้นมา
ในโลกภาพยนตร์, ซีรีส์ หรือการ์ตูน การลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ ถูกนำมาเล่าผ่านภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง แต่เรื่องที่เป็นกระแสที่สุดในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้น Attack on Titan เรื่องราวการประหัตประหารของ 2 เผ่าพันธุ์ ที่ดำเนินมาถึงซีซั่นที่ 4 ที่เรื่องราวหันไปโฟกัสที่การต่อสู้กันระหว่าง ผู้คนบนเกาะพาราดีส์ เกาะที่ปลีกตัวออกมาใช้ชีวิตอยู่ภายในกำแพงหนา โดยมี ไททัน สิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ตัวใหญ่ยักษ์ที่คอยกินมนุษย์เป็นอาหารล้อมรอบเมือง กับชาวมาร์เลย์/เอลเดีย ประชาชนในดินแดนที่ห่างไกล ผู้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุข โดยมองชาวเกาะพาราดีส์ว่าเป็นปีศาจร้ายที่ขโมยสมบัติสำคัญของบรรพบุรุษ และควรทำลายล้างให้หมดสิ้น
ภาพจาก อนิเมะ Attack on Titan
สิ่งที่เหมือนกันของตัวละครจากทั้ง 2 ฝ่ายในเรื่องนี้ก็คือ การที่แต่ละฝ่ายต่างมองฝ่ายตรงข้ามกับตัวเองว่าเป็น ปีศาจร้าย ทางฝั่งชาวมาร์เลย์/เอลเดีย ได้มองว่าชาวเกาะพาราดีส์คือปีศาจร้ายที่ต้องถูกสังหาร ก่อนที่พวกมันจะทำลายล้างโลก ทางฝั่งชาวเกาะพาราดีส์ เองก็มองว่า ผู้คนชาวมาร์เลย์และเอลเดียนั้นคือจุดเริ่มต้นของความวินาศสันตะโรที่เกิดขึ้นกับชีวิตของพวกเขา เป็นบ่อกำเนิดของการสูญเสีย ต่างฝ่ายต่างก็มีประวัติศาสตร์อันแสนโหดร้าย ผลลัพธ์และบาดแผลเหล่านั้น เป็นสิ่งหล่อหลอมให้พวกเขาเผชิญหน้ากัน และกลายเป็นสงคราม
.
.
.
.
.
.
การลดทอนความเป็นมนุษย์ หรือการผลักให้ฝ่ายตรงข้ามกลายเป็นอื่น ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นแค่ในมังงะ, อนิเมะ หรือภาพยนตร์เท่านั้น แต่มันเคยเกิดขึ้นจริง ๆ ในโลกของเรามาแล้ว ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่เป็นหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ชนชาติอารยัน ที่นาซีเลือกใช้เพื่ออธิบายว่าชนชาติของตัวเองนั้นสูงส่ง แล้วผลักให้ชนชาติอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ ‘พวกเขา’ ต้อยต่ำกว่าและควรจะถูกกำจัด
ภาพหลุมฝังศพเหยื่อจากเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ในประเทศรวันด้า ที่มา: Brandsouthafrica
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาว Tutsi โดยชาว Hutu ในระวันด้าเองก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการที่คนในชาติเดียวกันผลักอีกฝ่ายให้เป็นอื่น แล้วใช้ความเชื่อของตัวเองสร้างความชอบธรรมในการทำลายล้าง ขยับเข้ามาใกล้บ้านเรากันอีกหน่อยกับ เขมรแดง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกลายเป็นประวัติศาสตร์อันแสนเจ็บปวดของประเทศกัมพูชา การกระจุกรวมของอำนาจ ความเหลื่อมล้ำ การคอร์รัปชั่น ที่นำไปสู่การทำให้ผู้คนกลุ่มหนึ่งที่คิดเห็น หรือมีความเชื่อแตกต่างจากผู้กุมอำนาจ ถูกทำลายล้าง ทั้งหมดก็เพราะ ความแตกต่าง หรือการมองว่า เขาไม่เท่ากับ ‘เรา’
ภาพกองกำลังเขมรแดงเคลื่อนพลเข้ากรุงพนมเปญ ในวันที่ 17 เมษายน 1975 ที่มา: NYTimes
ในสังคมไทยเอง เราก็มีเรื่องในลักษณะนี้เกิดขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ, เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ, เหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซ๊ะในปี 2547 หรือเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ในปี 2553 ทั้งหมดมีจุดร่วมกันก็คือ ความแตกต่างทางความคิด ความเชื่อ และอุดมการณ์ทางการเมือง เราปล่อยให้ความแตกต่างนี้มาทำให้คุณค่าความเป็นมนุษย์ลดด้อยลง แล้วปล่อยให้มันกลายเป็นความบาดหมางจนทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจมาจนถึงปัจจุบัน
ผลดีอย่างเดียวที่เราได้รับจากประวัติศาสตร์ที่แสนโหดร้ายเหล่านั้นก็คือ การสอนให้เราทุกคน เรียนรู้ที่จะเข้าใจและยอมรับความแตกต่าง แม้ว่ามันจะเป็นหนทางที่แสนยากเย็น แต่นี่อาจจะเป็นทางเดียวที่คุ้มค่าที่จะทำมากที่สุด
เพราะสุดท้ายแล้วคงไม่มีใครอยากลงเอยที่การก่อสงครามทำลายล้างกันเหมือนใน Attack on Titan...
ภาพจากอนิเมะ Attack on Titan ซีซั่นที่ 3 ตอนที่ 22
ข้อมูลจาก :
https://encyclopedia.ushmm.org/content/en/article/aryan-1
https://www.bbc.com/news/world-africa-13431486
https://cla.umn.edu/chgs/holocaust-genocide-education/resource-guides/cambodia
https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_massacres_in_Thailand