"ศ.ไชยันต์" แนะ "พลเอกประยุทธ์" ลาออก เชียร์ พท.- ปชป. จับมือผ่าวิกฤตประเทศ

สถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังวนเวียนกลับไปสู่ความขัดแย้งแบบเดิมๆ กำลังเป็นที่จับตา ทั้งจากปัญหาการแก้รัฐธรรมนูญ และการสืบทอดอำนาจ ที่กำลังถูกโจมตีอย่างหนัก ท่ามกลางการจัดองคาพยพใหม่ของพรรคเพื่อไทยที่อาจมีดีลสำคัญเพื่อเป็นทางออกในสถานการณ์การเมืองขณะนี้

“ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร”อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  มองว่า ปัญหาทั้งหมดขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาล  เพราะต่อให้สืบทอดอำนาจเข้ามา แต่ถ้าผลงานดีเลิศประชาชนก็คงจะยอมรับ  แต่ตอนนี้ทุกปัญหากำลังถาโถมเข้ามาส่งผลต่อความชอบธรรมทางการเมือง โดยเฉพาะระบบถ่วงดุล ที่มี ส.ว. แต่งตั้งเข้ามาเป็นกลไกเปลี่ยนผ่านอำนาจ ซึ่งวางไว้ดีแล้ว  แต่ต้องกลายเป็นหายนะ เพราะเกิดพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นมาต่อท่ออำนาจ คสช.

ลาออกแก้วิกฤต

“ศ.ดร.ไชยันต์  ”ชี้ว่า ปัจจุบันความชอบธรรมทางการเมืองรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ ลดน้อยลงมากจนดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมาด้วย ทั้งที่สถาบันฯยังต้องอยู่คู่กับระบอบการปกครอง  ดังนั้นทางออกที่ง่ายที่สุดคือ พลเอกประยุทธ์ลาออก ยุติบทบาททางการเมือง ให้สภาเลือกนายกฯคนใหม่ จากบัญชีนายกฯที่เหลือ ทำให้ข้อกล่าวหาการสืบทอดอำนาจหมดไปทันที ต่อให้ยังมี ส.ว.อยู่  ส.ว.ก็ต้องโหวตเลือก เพราะกระบวนการเมื่อลาออกแล้ว สภาจะเกิดการจับขั้วกันใหม่ โดยธรรมเนียมแล้ว พรรคอันดับสอง คือเพื่อไทย ก็ต้องเป็นคนจัดตั้งรัฐบาล  ปล่อยให้เล่นไปตามกติกาของคนที่มาจากการเลือกตั้ง  ส่วน ส.ว.ถึงแม้จะมีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ แต่หากพรรคเพื่อไทย มาจับขั้วกันแล้ว ได้เสียง ส.ส. เกิน 250 ของสภาฯ  ก็จะเข้าเงื่อนไขเดียวกับ ที่ ส.ว.บอกว่าเลือก พลเอกประยุทธ์ มาจากเสียงข้างมากในสภาฯ   ดังนั้นการที่พลเอกประยุทธ์ ลาออกแล้วเดินตามวิธีการนี้ จะทำให้ลดอุณหภูมิทางการเมืองได้อย่างรวดเร็ว

ยุบสภาเลือกตั้งใหม่

อีกทางออกที่สำคัญ  “ศ.ดร.ไชยันต์  ”ชี้ว่า คือการยุบสภา แต่เงื่อนไขที่จะยุบสภาได้ต้องเกิดความขัดแย้งในสภา ซึ่งสามารถเกิดได้จากประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่  ส.ส. และ ส.ว. มีความเห็นไม่ตรงกัน   ซึ่งการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ สามารถใช้วิธีนี้เป็นการทำประชามติไปในตัวได้ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่  ให้แต่ละพรรคใช้เรื่องแก้รัฐธรรมนูญเป็นนโยบายหาเสียง เพื่อให้ผลเลือกตั้งสะท้อนเจตจำนงของประชาชน ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และมีผลเป็นที่ยอมรับของแต่ละฝ่ายได้

รัฐบาลแห่งชาติเกิดได้หรือไม่?

“ศ.ดร.ไชยันต์”อธิบายว่า ไม่มีเงื่อนไขอะไร พาไปถึงรัฐบาลแห่งชาติได้เลย เพราะการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติไม่ใช่เรื่องง่ายจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ บ้านเมืองถึงทางตัน  โดยเฉพาะหาก นายกฯลาออกและไม่สามารถเลือกนายกฯจากบัญชีรายชื่อที่เหลืออยู่ได้ จนต้องเลือกจากนายกฯคนนอกบัญชี ซึ่งหากเลือกจากคนนอกบัญชีไม่ได้อีก ก็ถึงทางตันทางการเมือง เข้าสู่มาตรา 5 ตามรัฐธรรมนูญ เมื่อไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่าต้องทำอย่างไรก็ให้ดำเนินไปตามประเพณีการปกครองของไทย ที่คนมักเข้าใจผิดว่าเป็นการคืนพระราชอำนาจ  แต่จริงๆคือการที่ นายกฯรักษาการ หารือกับสภาผู้แทนฯ หรือ  ทั้ง สองสภา เพื่อหาทางออก เช่น  ยุบสภาเลือกตั้งใหม่หรือ หรือจะอยู่แบบรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่กระทบต่อเสถียรภาพ หรือจะ เกิด รัฐบาลแห่งชาติ

แต่คำว่ารัฐบาลแห่งชาติที่กำลังพูดกันอยู่อาจจะไม่ได้หมายถึงรัฐบาลแห่งชาติจริงๆ เป็นเพียงการรวมพรรคการเมืองเข้ามาเป็นรัฐบาลมากขึ้น  แต่ก็จะมีปัญหาการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีที่ไม่สามารถเขี่ยบางพรรคออกได้  ทางออกคือ ต้องทำสัญญาใจแบบสมัยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร ที่ ปรับ ครม. แบบเก้าอี้ดนตรี จัดคิวเป็นรัฐมนตรี แต่ก็จะมีปัญหาว่าบางคนได้เก้าอี้แล้วอาจจะอยากอยู่ยาวหรือไม่ 

เพื่อไทย - ประชาธิปัตย์ควรจับมือกัน

“ศ.ดร.ไชยันต์”มองว่า หากพรรคพลังประชารัฐจับมือกับพรรคเพื่อไทยได้จริง อาจทำให้ความไม่ชอบธรรมในการสืบทอดอำนาจลดลง  เกิดความเหนียวแน่นในสภาฯ  แต่อาจจะไม่ได้ส่งผลให้การชุมนุมบนท้องถนนดีขึ้น ต้องไม่ประมาท  ซึ่งถ้าการชุมนุมเป็นไปอย่างมีเหตุมีผล โดยสามัญสำนึกของผู้นำประเทศควรจะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องทำอย่างไร

“จริงๆส่วนตัวอยากให้ พลเอกประยุทธ์ลาออก และยอมให้กลไกเป็นไปตามธรรมชาติ  อยากเชียร์ให้ เพื่อไทย กับประชาธิปัตย์ จับมือกันเสียที ”

ศ.ดร.ไชยันต์ เชื่อว่า หากพรรคเพื่อไทย ไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ แทน คนก็ปรบมือให้ เพราะ ทั้ง สองพรรคมีจุดแข็งในการบริหารประเทศคนละด้านที่สามารถเดินไปด้วยกันได้

อย่างไรก็ตาม“ศ.ดร.ไชยันต์”เชื่อว่าการที่ พลเอกประยุทธ์ ยังยากอยู่ต่อในอำนาจ เป็นเพราะต้องการมีส่วนร่วมในพระราชพิธีสำคัญ ที่สืบเนื่องมาจากช่วงเปลี่ยนผ่านรัชกาล ซึ่งพลเอกประยุทธ์ คงหวังดีว่าจะอยู่ทำเพื่อประเทศชาติ แต่เรื่องแบบนี้อื่นก็ทำได้

: ธีรวัฒน์ ซ้วนตั้น ทีมข่าวการเมือง รายงาน