ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเพื่อตรวจสอบกรณีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ระบุว่าพบการทำ สำนวนคดีของตำรวจบกพร่องเกือบทุกจุด โดยเฉพาะการลงวันที่เป็นเท็จ เพื่อทำให้เห็นว่ามีความพยายามทำคดีอย่างรอบคอบและรัดกุม ขณะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงนามคำสั่งขยายเวลาสอบสวนของตำรวจ ออกไปอีก 7 วัน
นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เปิดเผยผลการสอบข้อเท็จจริง จากคณะทำงานพลตำรวจโทเพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพันตำรวจโทวีรดล ทัมทิบดี ซึ่งรับผิดชอบคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา และไม่เห็นแย้งอัยการกรณีสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ โดยผู้ชี้แจงระบุว่าตรวจสอบข้อเท็จจริงเฉพาะสำนวนของตำรวจ และเป็นการทำงานตามสายงาน โดยไม่ได้เปรียบเทียบความแตกต่างกับสำนวนเดิม จึงไม่เห็นข้อพิรุธ ซึ่งนายวิชาระบุว่าถือเป็นข้อบกพร่อง ทั้งที่ตำรวจสามารถโต้แย้งได้ ทั้งในแง่ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย
ประเด็นที่นายวิชา ระบุว่ามีความน่าสนใจมาก คือเหตุใดพันตำรวจโทวีรดล จึงเชื่อในพยานที่เพิ่มมาใหม่ 2 ปาก ทั้งที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพฯใต้ กับอัยการสูงสุด ในขณะนั้น เห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอ จึงให้ยุติคำร้องขอความเป็นธรรมของจำเลย ซึ่งพันตำรวจโทวีรดล ให้ปากคำว่า เป็นเพราะพยานเป็นผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือ และที่นายวิชา ระบุว่าเป็นปัญหาใหญ่สุด คือพันตำรวจโทวีรดล ลงบันทึกวันที่สอบปากคำพันตำรวจเอกธนสิทธิ์ ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะสอบปากคำวันที่ 29 กุมภาพันธ์ แต่กลับลงในบันทึกว่าสอบปากคำวันที่ 2 มีนาคม ทั้งที่ไม่ได้มีการสอบปากคำจริงในวันดังกล่าว
นอกจากนี้ คณะกรรมการตรวจสอบ ได้สอบถามพันตำรวจโทวีรดลว่า ทราบหรือไม่ว่าพันตำรวจเอกธนสิทธิ์ ผู้ตรวจพิสูจน์ความเร็ว พยายามติดต่อขอให้ปากคำใหม่ เพื่อยืนยันความเร็วรถนายวรยุท ที่คำนวณได้คือ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งตำรวจโทรวีรดลให้การว่า ขณะนั้นถูกตรวจสอบในคดีอื่นอยู่ จึงไม่มีสมาธิในคดีนี้ และได้ตอบปัด ไปว่า คดีนี้จบไปแล้ว ทั้งที่ความจริงคือคดียังไม่จบ ซึ่งเห็นชัดเจนว่าสำนวนบกพร่องและมีความอันเป็นเท็จ
และพรุ่งนี้จะเชิญพลตำรวจโทเพิ่มพูล และพันตำรวจเอกธนสิทธิ์ เข้าชี้แจงที่สำนักงานคณะกรรมการ กฤษฏีกา ส่วนที่ปรากฎชื่อพลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธ์ม่วง อดีตผบ.ตร. และพลตำรวจเอกมนู เมฆหมอก รองผบ.ตร. เข้ามาเกี่ยวข้อง จะเชิญมาให้ปากคำหรือไม่นั้น นายวิชาระบุว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการ ที่จะหารือร่วมกัน
ส่วนการสอบข้อเท็จจริง ที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแต่งตั้งขึ้นนั้น ล่าสุดพลตำวรจโทจารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะรองประธานสอบข้อเท็จจริง ระบุว่าผลสอบ ข้อเท็จจริงเบื้องต้น ส่งถึงพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เรียบร้อยแล้ว และได้ชี้แจงไปแล้วว่ามีความบกพร่องขั้นตอนใด และใครมีส่วนรับผิดชอบ แต่ก่อนที่จะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่ชาติ จะลงนามตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาตรวจสอบซ้ำนั้น กองวินัยจะตรวจทานรายชื่อ ตำแหน่ง และข้อหาผู้ ที่ตรวจพบความบกพร่องอีกครั้ง
ทั้งนี้ คณะกรรมการที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะแต่งตั้งขึ้นนั้น จะทำหน้าที่ขยายผลเพิ่มเติม จากข้อมูลชุดเดิมที่มีอยู่ และพลตำรวจโทจารุวัฒน์ ยังระบุว่าผู้บัญชาการ ตำรวจแห่ชาติ อนุมัตขยายเวลาสอบสวนอีก 7 วัน จากเดิมที่จะครบกำหนดวันพรุ่งนี้ เนื่องจากยังมีประเด็นและข้อมูลบางส่วนยังไม่ครบถ้วน
+ อ่านเพิ่มเติม