'เอ็ม' สำนึกผิด ก้มกราบญาติเศรษฐีนี สารภาพทำไปเพราะต้องการเงิน
logo TERO HOT SCOOP

'เอ็ม' สำนึกผิด ก้มกราบญาติเศรษฐีนี สารภาพทำไปเพราะต้องการเงิน

TERO HOT SCOOP : นาย เอ็ม สารภาพผิด ก้มลงกราบเท้าขอโทษญาติเศรษฐินีนักปฏิบัติธรรม ขณะที่ ผบช.ตร.ภาค5 นำแถลงผลการจับกุมตัว พบอาศัยความคุ้นเคยทำทีไป เอ็ม,เศรษฐินีนักปฏิบัติธรรม,ฆ่าเศรษฐีนี,ไอ้เอ็ม,ไอ้ตั้ม

9,792 ครั้ง
|
01 พ.ย. 2562
นาย 'เอ็ม' สารภาพผิด ก้มลงกราบเท้าขอโทษญาติเศรษฐินีนักปฏิบัติธรรม ขณะที่ ผบช.ตร.ภาค5 นำแถลงผลการจับกุมตัว พบอาศัยความคุ้นเคยทำทีไปเคาะบ้านเรียกผู้ตายสบโอกาสทำร้ายบังคับเอาบัตรเอทีเอ็มและรหัสไปทดลองกดเงินสดก่อนย้อนกลับมาฆ่า จากนั้นหลบหนีได้เงินไปทั้งสิ้นกว่า 1.7ล้าน โดยลงมือก่อเหตุเพราะปัญหาการเงิน
 
วันนี้(1พ.ย.62) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 พลตำรวจโทประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการจับกุมตัวนายวิฑูรย์ ศรีตะบุตร์ หรือ เอ็ม อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดลำปาง ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฆ่า นางสาววรรณี จิรเจริญยิ่ง อายุ 58 ปี เศรษฐีนีนักปฏิบัติธรรม ซึ่งถูกพบศพถูกยัดใส่ตู้เย็นและโรยปูนซีเมนต์ทับอำพรางไว้บ้านเลขที่ 90/3 หมู่ 3 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ของผู้ตาย กระทั่งเพิ่งพบศพเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา และจากการรวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การออกหมายจับนายวิฑูรย์ กระทั่งไล่ล่าจับกุมตัวได้ที่จังหวัดนครสวรรค์ วานนี้(31 ต.ค.62) โดยในช่วงก่อนการแถลงข่าวครั้งนี้ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายวิฑูรย์ ขึ้นไปบนอาคารสำนักงาน ทางญาติของนางสาววรรณี ได้เข้าไปสอบถามนายวิฑูรย์ ถึงการก่อเหตุ ซึ่งนายวิฑูรย์ ได้ก้มลงกราบขอโทษ พร้อมยอมรับว่าก่อเหตุในครั้งนี้ได้เงินไปกว่าล้านบาท และใช้จ่ายไปแล้วส่วนหนึ่งจนเหลือประมาณ 1.2 ล้านบาท ส่วนรถยนต์ของผู้ตายนั้น ไม่ได้นำไปขายหรือจำนำ เพียงนำไปฝากไว้กับเพื่อนที่รู้จักกันเท่านั้น
 
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน กรณีเมื่อวันที่ 27 ต.ค.62 มีผู้พบศพนางสาววรรณี จิรเจริญยิ่ง อายุ 58 ปี เสียชีวิตภายในตึกแถวแห่งหนึ่งในตัวอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยสภาพศพซุกซ่อนอยู่ภายในตู้เย็นปิดทับด้วยผมปูนซีเมนต์ เบื้องต้นมีทรัพย์สินที่หายไปคือบัตรกดเงินสดเอทีเอ็มและรถยนต์เก๋งยี่ห้อ BMW รุ่น X1 ต่อมามีพยานหลักฐานตามสมควรได้เสนอศาลจังหวัดฮอด อนุมัติหมายจับนายวิฑูรย์ ในข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและรับของโจร ต่อมากองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 และตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามและกองบังคับการตำรวจรถไฟ,กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง,ตำรวจภูธรภาค 6, ตำรวจภูธรภาค 7 และกองบังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สืบสวนติดตามจับกุมนายวิฑูรย์ ซึ่งพบพฤติการณ์ของนายวิฑูรย์ว่า ลักทรัพย์รถยนต์ของผู้เสียชีวิตไปขับขี่ และนำบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียชีวิตไปกดเงินสด แล้วหลบหนีออกมาจากพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ต่อเนื่องจังหวัดระยอง,กรุงเทพฯ และจังหวัดนครปฐม
 
กระทั่งต่อมาวันที่ 29 ต.ค.62 ได้สืบสวนติดตามทราบว่านายวิฑูรย์ นำเงินสดประมาณ1.7แสนบาท ไปซื้อรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าที่จังหวัดนครปฐมและใช้รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นพาหนะในการหลบหนีโดยใช้เส้นทางสายรองเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดนครปฐม,กาญจนบุรี,ราชบุรี,สุพรรณบุรี,อุทัยธานีและนครสวรรค์ จนกระทั่งวันที่ 31 ต.ค.62 เวลาประมาณ 14.00 น.เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวนายวิฑูรย์ได้ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปตามเส้นทางหลวงชนบทหมายเลข 107 2 โดยจับกุมได้ในช่วงกิโลเมตรที่ 6 หมู่ที่ 16 บ้านวังสวัสดี ตำบลหนองกระโดน อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งนายวิฑูรย์ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมของกลางด้วยเงินสด 1,267,460 บาท, รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Honda รุ่น Forza 300 สีดำ ราคาประมาณ 170,000 บาท และสร้อยคอทองคำ น้ำหนักประมาณ 76 กรัม หรือ 5 บาท จำนวน 1 เส้น ราคาประมาณ 1 แสนบาท และทรัพย์สินอื่นๆ
 
ส่วนขั้นตอนการลงมือก่อเหตุของนายวิฑูรย์นั้น พลตำรวจโทประจวบ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนนายวิฑูรย์ อ้างว่าลงมือก่อเหตุช่วงเช้าวันที่ 11 ต.ค.62 โดยทำทีไปเคาะบ้านเรียกผู้ตาย จนกระทั่งผู้ตายแง้มเปิดประตูแง้มออกมาดูด้วยความที่เห็นว่าเป็นคนคุ้นเคยกัน จากนั้นจึงสบโอกาสลงมือทำร้ายบังคับเอาบัตรเอทีเอ็มและรหัส ซึ่งเมื่อได้แล้วจึงนำไปทดลองกดเงินว่าได้หรือไม่ เมื่อได้แล้วจึงย้อนกลับมาลงมือฆ่าผู้ตาย ก่อนที่วันที่ 13 ต.ค.62 จะย้อนกลับมาจัดการอำพรางศพ โดนหลังจากนั้นได้นำบัตรเอทีเอ็มของผู้ตายไปตระเวนกดเงินสดได้ไปรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.7 ล้านบาท ขณะที่แรงจูงใจก่อเหตุนั้น มาจากมีปัญหาการเงินในครอบครัว และอ้างว่าจะไปขอให้ผู้ตายช่วยดาวน์รถสองแถวให้เพื่อประกอบอาชีพ ทั้งนี้จากหลักฐานร่องรอยต่างๆ ในที่เกิดเหตุและพฤติการณ์ทั้งหมดเชื่อว่านายวิฑูรย์ น่าจะก่อเหตุเพียงคนเดียว