ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุก 26 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดลาดแค และอดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ ในคดีร่วมกับผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาฟอกเงินทอนวัด 12 วัด ใน 4 จังหวัด
วันที่ 18 เม.ย. 62 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษา คดีฟอกเงินงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนา หรือเงินทอนวัด โดยอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมเกียรติ ขันทอง หรือ อดีตพระครูกิตติ พัชรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดลาดแค และอดีตเจ้าคณะอำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ ในความผิดฐานร่วมกันกับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ดำรงตำแหน่งระหว่างปี 2555 - 2557 ที่ขณะที่อยู่ระหว่างหลบหนี ฟอกเงินทอนวัดต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์,นครสวรรค์ ,ตาก และชุมพร โดยอดีตพระครูกิตติ พัชรคุณ ที่ยังคงสมจีวรพระ เดินทางมารับฟังคำพิพากษาตามนัดหมาย ตั้งแต่ช่วงเช้าในเวลาประมาณ 06.00 นาฬิกา
โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมกับนายนพรัตน์ ที่ได้จัดสรรงบสำนักพระพุทธศาสนามาให้กับ 12 วัดใน จังหวัดเพชรบูรณ์, นครสวรรค์, ตาก และชุมพร โดยแต่ละวัดไม่ได้ทำคำของบแต่อย่างใด แต่นายนพรัตน์ ให้นำบัญชีของวัดมาเพื่อจะโอนเงินให้แต่ละวัดนับล้านบาท โดยเมื่อโอนเงินแล้วให้แต่ละวัดโอนเงินกลับส่งคืนให้จำเลย เพื่อส่งต่อให้นายนพรัตน์ โดยอ้างว่าจะนำไปให้วัดจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่ไม่มีการนำไปดำเนินการดังกล่าวจริง และได้นำมาแบ่งปันกัน และบางส่วนจำเลยนำมาให้จ่ายส่วนตัว ซึ่งขณะกระทำผิดจำเลยเป็นเจ้าคณะอำเภอถือเป็นเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ ก็จะต้องรับโทษ 2 เท่า
จึงพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 โดยให้ลงโทษทุกกระทง กระทงละ 3 ปี ทั้งหมด 13 กระทง จำคุกรวม 39 ปี แต่จำเลยนำสืบมีประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 คงจำคุก 26 ปี ส่วนคำขออื่นให้ยก
โดยทนายความของพระครูกิตติฯ ได้เปิดเผยสั้นๆว่าขณะนี้กำลังเตรียมคำร้องและหลักทรัพย์เพื่อจะยื่นขอประกันตัวสู้คดีในชั้นอุทธรณ์
ทั้งนี้ภายหลัง ศาลมีคำพิพากษาแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ก็ได้ควบคุมตัวพระครูกิตติฯ จำเลยไปยังห้องคุมขังชั้นใต้ถุนศาล ระหว่างรอฟังผลการขอประกันตัวสู้คดีชั้นอุทธรณ์
+ อ่านเพิ่มเติม