นักวิชาการ-เอกชน มั่นใจหากเลือกตั้งราบรื่นจะดึงนักลงทุนต่างชาติกลับเข้าประเทศ
logo ข่าวอัพเดท

นักวิชาการ-เอกชน มั่นใจหากเลือกตั้งราบรื่นจะดึงนักลงทุนต่างชาติกลับเข้าประเทศ

ข่าวอัพเดท : นักวิชาการ-เอกชน มั่นใจหากเลือกตั้งราบรื่นจะดึงนักลงทุนต่างชาติกลับเข้าประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลังเติบโตดี ทำทั้งปีเกิน 4% ได้ เลือกตั้ง62,เลือกตั้ง2562,เลือกตั้ง24มีนา,นักวิชาการ

2,401 ครั้ง
|
25 มี.ค. 2562
นักวิชาการ-เอกชน มั่นใจหากเลือกตั้งราบรื่นจะดึงนักลงทุนต่างชาติกลับเข้าประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลังเติบโตดี ทำทั้งปีเกิน 4% ได้ พร้อมขอรัฐบาลใหม่ดูแลรายได้ภาคเกษตรและการส่งออก เป็นอันดับแรก
 
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นสัญญาณบวกที่ดี เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ และจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้งหลังจากที่ชะลอการลงทุนออกไปก่อนหน้านี้
 
ซึ่งหลังการเลือกตั้งไม่ว่าพรรคไหนจะเป็นผู้นำมนการจัดตั้งรัฐบาล สิ่งสำคัญที่จะต้องเร่งทำ คือ การเพิ่มกำลังซื้อภาคเกษตร ทั้งรายได้และราคาสินค้าของเกษตรกร ที่จะได้รับความเสี่ยงจากภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งเร่งการลงทุนของภาครัฐให้มากขึ้น
 
ทั้งนี้หากสามารถดำเนินการได้ตามที่คาดการณ์ไว้ จะทำให้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังขยายตัวปีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจทั้งปีขยายตัวได้ใกล้เคียง4% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.7% หากเศรษฐกิจต่างประเทศไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้น 
อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงหากมีการตั้งรัฐบาลล่าช้ากว่าที่กำหนดอาจจะทำให้นักลงทุนต่างชาติขาดความเชื่อมั่นและย้ายการลงทุนไปประเทศอื่น
 
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ถ้าผลการเลือกตั้งออกมาแล้วไม่มีปัญหาสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ตามกำหนดความเชื่อมั่นของนักลงทุนก็จะกลับมาได้มากกว่าเดิม ทั้งนี้ไม่กังวลว่ารัฐบาลชุดใหม่จะยังลงทุนต่อเนื่อง ตามแผนการลงทุนทั้งหมด โดยเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่ที่ได้เริ่มไปแล้ว
 
โดยสิ่งที่นักลงทุนกังวลมากที่สุดในขณะนี้ คือภาคการส่งออก ที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินและสงครามทางการค้าของต่างประเทศ ซึ่งภาครัฐจะต้องเร่งเข้ามาดูแลเพื่ออำนวยทางด้านส่งออกทั้งหมด รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่รวดเร็ว รัฐและเอกชนจะต้องประสานงานกันเพื่อให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ปรับตัวเองได้ทัน 
 
สำหรับนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงของหลายพรรคการเมือง เชื่อว่าจะเป็นการทยอยปรับขึ้นตามสถานการณ์ เพราะไม่เห็นด้วยหากจะมีการปรับขึ้นครั้งเดียวแบบก้าวกระโดด สิ่งสำคัญคือการทำให้เศรษฐกิจดี ซึ่งจะทำให้ค่าแรงปรับขึ้นเองอยู่แล้ว แต่หากเศรษฐกิจไม่ดี ค่าแรงถูกก็ไม่มีประโยชน์ รัฐอาจจะมีค่าแรงแนะนำแต่ไม่ควรบังคับ เพราะการขึ้นค่าแรงที่รวดเร็วนั้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดคือ แรงงานต่างด้าว ที่ปัจจุบันมีอยู่กว่า 2 ล้านคน ค่าแรงเฉลี่ยหัวละ1 หมื่นบาทต่อเดือน ทำให้แต่เดือนไทยจะสูญเสียเงินไปถึง2หมื่นล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง