นายอนันต์ชัย ไชยเดช ในฐานะทนายความ พร้อมผู้เสียหายกว่า 40 คน เข้าพบ พ.ต.ท.สุณัฐพล นิรมิตศุภเชษฎ์ รอง ผกก.(สอบสวน) กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เพื่อแจ้งความดำเนินคดี นางกมลนันช์ (สงวนนามสกุล) ฐานฉ้อโกงประชาชน ภายหลังหลอกผู้เสียหายร่วมลงทุนและระดมทุนขายเพชรขายพลอย โดยอ้างว่าจะแบ่งปันผลกำไรให้กับสมาชิก
นายอนันต์ชัย ไชยเดช เปิดเผยว่า มีผู้เสียหายถูกหลอกให้ลงทุนด้วยเงินจำนวนหนึ่ง แล้วจะได้เงินปันผล 80% ของเงินต้น เป็นเงินนอกระบบที่มีผลตอบแทนสูง โดยเฉพาะกลุ่มที่ลงทุนกลุ่มนี้มีผู้เสียหายกว่า 800 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 1,400 ล้านบาท และยังมีผู้เสียหายอีก 4-5 กลุ่ม มูลค่าสูงกว่า 5,000 ล้านบาท เชื่อว่ากระบวนการลงทุนดังกล่าวทำ เพราะเป็นการนำเงินมาลงทุนนอกระบบ
นายอนันต์ชัยกล่าวต่อว่า ได้รับประสานจากนางกมลนันช์ ว่าอยากเข้ามาชี้แจงหลังมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเป็นจำนวนวมาก และมีการแจ้งความในหลายพื้นที่ และมีผู้ไม่หวังดีข่มขู่ฆ่าเอาชีวิต เพื่อจะได้เปิดเผยความจริงให้แก่สมาชิก
ทางด้านนางกมลนันช์ เปิดเผยว่า ตนทำอาชีพธุรกิจขายตรงและรู้จักกับคนเยอะ แต่ไม่เคยถูกใครโกง จนกระทั่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ได้รับการชักชวนจากเพื่อนชื่อโกโก้ ให้รู้จักกับ น.ส.ไพรัตน์ (สงวนนามสกุล) ชาว จ.จันทบุรี อ้างว่าทำธุรกิจระดมทุนขายเพชรพลอย จะให้ผลประโยชน์ 80% และสมาชิกจะได้ 10% จึงตัดสินใจเป็นแม่ข่ายชักชวนคนอื่นมาร่วมลงทุน ช่วงแรกๆ น.ส.ไพรัตน์จ่ายเงินปันผลให้จริงจนเกิดเป็นความเชื่อมั่นและศรัทธา แต่ต่อมาไม่จ่ายเงินปันผล ก่อนจะหนีหายไปและไม่สามารถติดต่อได้อีก ตนก็ยอมรับว่าทำผิดจริง แต่ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงผู้อื่น เพียงแค่ชักชวนมาร่วมลงทุนเพราะอยากให้คนอื่นได้เงินปันผลเหมือนที่เคยได้
ส่วนเรื่องที่ถูกข่มขู่นั้น คือมีสมาชิกรายหนึ่งข่มขู่ผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ทำนองว่าถ้าไม่โอนเงินทุนคืนถึงตายได้ อย่างไรก็ตามทราบว่า น.ส.ไพรัตน์ยังไม่หยุดการระดมทุน ยังมีการเปิดระดมอีกกลุ่ม คาดว่ามีมูลค่า 500 ล้านบาท โดยอ้างว่ามีนายทุนขายเพชรพลอย ที่ จ.จันทบุรี ชักชวนให้สมาชิกซื้อเพชรกับพลอยแล้วจะได้ผลประโยชน์ ในอัตราร้อยละ 50-80% จึงไม่อยากให้มีใครหลงเชื่ออีก
ขณะที่ พ.ต.ท.สุณัฐพลเปิดเผยว่า เบื้องต้นอยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้เสียหายและนางกมลนันช์ จากนั้นจะรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบว่านางกมลนันช์กระทำความผิดจริงจะดำเนินคดีทันที และออกหมายเรียกให้ น.ส.ไพรัตน์ เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาและให้ปากคำตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ที่มา: มติชน