ช็อกวงการเรื่องผี “วีวี่” อดีตทีมงานเดอะโกสต์ ถูกตุ๋นครึ่งล้าน ตกงาน ซ้ำอนาคตดับวูบ !

กลายเป็นกระแสดรามาบนโลกออนไลน์ ในกรณีของ "วีวี่" สาวอดีตทีมงานรายการ The Ghost Radio ถูกมิจฉาชีพออกอุบายชวนลงทุนรีวิวเสื้อผ้า เริ่มจาก 500 บาท ลามไปยัน 500,000 บาท ที่ดรามาหนัก เพราะเธอไปโกหกขอยืมเงิน "แจ็ค" พิธีกรรายการ The Ghost Radio สุดท้ายโดนสั่งพักงานไม่มีกำหนด เพราะไปยืมเงินแแฟนรายการด้วย !

 

 

            วันที่ 6 มิ.ย. 66 ศุภณัฐ ดำรัสสิริ หรือ วีวี่ อดีตทีมงานรายการ The Ghost Radio ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด35 ดำเนินรายการ โดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า ตนไปเจอแก๊งมิจฉาชีพจากโพสต์ในอินสตาแกรม โดยเป็นโพสต์ชวนหารายได้เสริมด้วยการรีวิวเสื้อผ้า ซึ่งเมื่อกดเข้าไปก็จะเด้งเข้าไปในแอปฯ สำหรับการคุย จากนั้นจะมีคนมาสอบถามสัดส่วน ขอรูป ชื่อ ที่อยู่ เพื่อจะส่งของมาให้รีวิว เมื่อเราคอนเฟิร์ม เขาก็ให้เราดาวน์โหลดอีกแอปฯหนึ่ง เพื่อเข้าไปอยู่ในกลุ่มใหญ่ที่มีสมาชิกอีกกว่า 300 คน 

 

            โดยในกลุ่มนั้นจะมีคนที่อยู่มาก่อน เข้ามาคุยว่า ได้เสื้อผ้าแล้ว เหมือนกับเป้นการพูดคุยที่เป็นของจริง ต่อมาสมาชิกในกลุ่มหลายคนเริ่มมีการพิมพ์เลข 1 กันรัว ๆ ด้วยความแปลกใจตนได้ไปถามกับคนที่ดึงตนมาเข้ากลุ่มนี้ ได้ใจความว่า เขาจะมีภารกิจให้ทำ ซึ่งถ้าปฏิเสธเกินจำนวนครั้ง เขาจะตัดเราออกจากกลุ่ม ซึ่งเมื่อกดเลข 1 ไปแล้ว ก็มีภารกิจขึ้นมาให้ตนไปกดติดตามร้านค้าแล้วจะได้เงิน แต่ต้องมีการฝากเงินก่อนขั้นต่ำ 500 บาท โดยจะได้เงินคืนตามยอดที่ฝากเป็นค่าคอมมิชชั่น ซึ่งทุกคนในกลุ่มเขาก็ทำกัน 300 กว่าคน ตนเลยทำตามด้วย ไม่เกิน 10 นาที เขาก็ให้เงินตนกลับมา จากนั้นมีภารกิจมาเรื่อย ๆ ทั้งหมดภายในระยะเวลาวันเดียว อีกทั้งยังมีการกำหนดเวลาในแต่ละภารกิจ ถ้าทำไม่ทันจะไม่ได้เงินคืน ซึ่งตนก็เห็นคนอื่นในกลุ่มเขาทำกัน เลยหลงเชื่อทำตาม

 

 

            โดยครั้งที่ 1 ตนโอนไป 500 บาท ได้เงินคืนมา 580 บาท ครั้งที่ 2 โอนเงินไป 3,250 บาท ได้เงินคืนมา 3,737 บาท ครั้งที่ 3 โอนเงินไป 7,750 บาท ได้เงินคืนมา 8,757 บาท จากนั้นมีการโอนเงินครั้งที่ 4 โดยยอดสูงขึ้นไปเป็น 24,280 บาท ซึ่งเขาเห็นว่าโอนเงินยอดนี้ เขาจึงได้ดึงตนไปเข้ากลุ่ม VIP โดยมีสมาชิกในกลุ่มนั้นอีก 5 คน จากนั้นก็มีภารกิจให้ทำอีกโดยมีเงื่อนไขว่าถ้าจะเอาเงินจากการโอนครั้งที่ 4 คืน ต้องทำภารกิจนี้ โดยเป็นการโอนเงินอีกครั้งหนึ่ง ที่เขาจะมีตัวเลือกการโอนเงินให้ 3 จำนวน ซึ่งสมาชิกในกลุ่มจะต้องโอนเท่ากัน ทว่ามันมีหน้าม้ามาเลือกจำนวนที่สูงมาก แต่คนอื่นในกลุ่มก็โวยว่าทำไมถึงเลือกจำนวนสูงจัง จึงคุยกันและไปจบที่จำนวน 75,999 บาท ซึ่งต่อมาเขาก็ออกอุบายเหมือนเดิม ให้โอนเงิน ถ้าไม่โอนจะไม่ได้เงินก้อนก่อน ๆ คืน โดยครั้งที่ 6 โอนไป 159,999 ครั้งที่ 7 299,999 บาท และครั้งที่ 8 จำนวน 499,999 บาท ทว่าในครั้งนี้ตนไม่ได้โอน เพราะตนไม่มีเงินและรู้ตัวก่อน

 

 

            ส่วนกรณีที่ตนโกหกแล้วขอยืมเงินพี่แจ็คนั้นเป็นเรื่องจริง ที่ทำแบบนั้นเพราะตอนนั้นตนยังไม่คิดว่าถูกหลอก แล้วด้วยระยะเวลาของภารกิจที่มันกระชั้นชิด ทำให้ตนไม่มีเวลาอธิบายจึงเลือกที่จะโกหกเขาไปก่อน เพื่อนำเงินไปลงทุน คิดแค่ว่าเดี๋ยวได้เงินคืนก็จบ โดยตนยืมเงินพี่แจ็คมา 2 ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 460,000 บาท แต่ตนก็ได้สารภาพกับพี่เขาวันนั้นเลย ตอนนี้สภาพจิตใจของตนแย่มากหนักมาก ตนหวังว่าการออกสื่อจะช่วยให้คนเข้าใจตนมากขึ้น แต่กลับกลายเป็นได้ผลลบกลับมามากกว่าเดิม ที่ตนทำแบบนี้ เพราะว่าตนอยากได้รายได้เสริมเท่านั้น มีความตั้งใจหารายได้โดยสุจริต แต่กลับโดนด่าว่าโง่ หรือด่าว่าโลภ ยืนยันว่าตนไม่ได้โลภตนเป็นเหยื่อ ตนอยากฝากถึงนักข่าว ให้ช่วยเขียนข่าวให้เหยื่อแบบพวกตนมีที่ยืนในสังคมหน่อย เพราะตอนนี้ตนไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่รับ และพวกเกรียนคีย์บอร์ดก็อย่าไปประนามเขา เขาไม่ได้ทำผิด ไม่ได้ฆ่าใคร และสุดท้ายขอฝากพี่ ๆ ตำรวจ และธนาคาร ว่าอย่าทิ้งพวกเรา 

 

 

            ด้าน จิ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเจอแก๊งมิจฉาชีพจากในแอปฯหาคู่ มีคนชวนเข้ามาทำ โดยแก๊งมิจฉาชีพให้ตนทำหน้าร้านค้าในเว็บไซต์ เพื่อรับออเดอร์ และกดส่งออเดอร์ให้กับลูกค้า ซึ่งจะเป็นเว็บไซต์ของต่างประเทศ ตนต้องแลกเงินเข้าไปในระบบจากเงินบาท เป็นดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ตนได้ฝากเงินเข้าไปรวมทั้งหมด 12 ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 278,755 บาท โดยตนเข้าใจว่าเงินทั้งหมดของตนยังอยู่ในระบบ ถ้าถอนออกมาก็คงได้ ตนเริ่มมารู้ตัวว่าโดนหลอก เพราะว่า ไม่มีเงินไปลงทุนต่อจึงได้ไปขอยืมครอบครัว แต่ทางครอบครัวเขาสงสัยว่าอาจจะไม่ใช่เว็บไซต์จริง จึงไปตรวจสอบกับตำรวจ ก็พบว่าเป็นมิจฉาชีพ ทั้งนี้มิจฉาชีพพยายามสร้างสถานการณ์ต่าง ๆ ให้ตนไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ 

 

 

            ฟาก พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. และในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การหลอกลวงลักษณะนี้ทำได้หลายแบบ ชอบมาชักชวนให้ไปทำงาน ส่งมาตาม sms ชวนกดลิงก์ไปทำงาน อันที่สองเป็นการโทรชวนโดยตรง ส่วนอันที่สามจะมาตามสื่อออนไลน์ พวกนี้ตอนทำแรก ๆ จะได้เงินจริงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันคือการพิสูจน์ของมิจฉฉาชีพว่าเหยื่อมีศักยภาพเอาเงินมาลงทุนได้ จากนั้นก็เพิ่มเงินขึ้นไปเป็นหลักหมื่นหลักแสน ขณะเดียวกันถ้าเหยื่อเห็นว่าถูกหลอกแล้วไปขอเงินคืน เขาก็จะอ้างว่า หากยกเลิกเงินก้อนก่อน ๆ ก็จะสูญเปล่า ทำให้เหยื่อต้องไปหาเงินมาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 

 

            อย่างไรก็ตาม ตนเป็นกำลังใจให้กับเหยื่อทั้ง 2 ท่าน ทั้งนี้ทางรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็มีมาตรการในการช่วยเหลือเหยื่อเหล่านี้โดยการประกาศใช้ พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2566 ซึ่ง เมื่อประชาชนถูกหลอกในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถโทรไปอายัดบัญชีกับธนาคารได้เลย และให้มาแจ้งความกับตำรวจภายใน 3 วัน ขณะเดียวกัน พวกบัญชีม้า ก็มีโทษเช่นเดียวกัน จะมีโทษจำคุก 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท