ผู้ช่วยผู้จัดการ ธกส.เบิกความต่อศาล ย้ำ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ใช้จ่ายงบโครงการรับจำนำข้าว เกินวงเงินที่ครม.อนุมัติ ส่งผลให้รัฐขาดทุน
กระบวนการสืบพยานโจทย์ นัดที่ 7 วันนี้ อัยการโจทย์ได้ซักถาม นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส. เพิ่มเติมในประเด็นยอดวงเงินที่ใช้ในโครงการรับจำนำข้าว รวม 5ฤดูกาลผลิต ซึ่งพบว่ามีจำนวนกว่า9แสนล้านบาท ซึ่งเกินกว่ากรอบวงเงินที่ครม.อนุมัติไว้ และเมื่อปิดบัญชี ปี2558 คาดว่าจะการขาดทุนเพิ่มขึ้น โดยมีข้าวที่ยังเหลือในสต๊อกอีก12 ล้านตัน ซึ่งหากระบายไม่หมดจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เช่นค่าฝากเก็บ ค่าเช่าโกดังและการรักษาข้าว ซึ่งสาเหตุที่ระบายข้าวได้น้อย เนื่องจากราคาขายข้าวเป็นราคา ณ.วันที่ขายตามกลไกตลาด เป็นส่วนต่างจากราคาที่รัฐบาลรับจำนำ ที่มีราคาสูงกว่า ซึ่งข้อเสนอของธกส.เสนอให้ปรับลดราคาข่าว จาก 1.5 หมื่น เหลือ 1.2 หมื่นบาท ต่อตัน และขอจำกัดยอดรับจำนำ 5 แสนบาทต่อคน ซึ่งรัฐบาลจำเลยรับข้อเสนอเฉพาะการกำหนดยอดจำนำต่อคนเท่านั้น
ทั้งนี้การสืบพยานปากนายสุพัฒน์ ยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากทนายจำเลยแถลงต่อศาลขอตรวจสอบเอกสารที่โจทย์ ยื่นคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับพยานปากนี้ จึงขอให้เลื่อนไปไต่สวนต่อนัดหน้า วันที่ 13 พค. ซึ่งศาลได้อนุญาต ขณะเดียวกัน ศาลได้อ่านกระบวนพิจารณาว่าทนายโจทย์ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลอออกมายเรียกนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตสส.ปชป มาไต่สวน หรือกำชับ หรือมีมาตราการใดตามที่ศาลเห็นสมควร เนื่องจากนายแพทย์วรงค์ ได้ให้สัมถาษณ์กับสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับคดีจำนำข้าว กรณีข้าวถุง โดยจงใจฝืนคำสั่งศาลที่ไม่ให้ ชี้นำ ซึ่งศาลพิจารณาแล้วเห็นว่านายแพทย์วรงค์ จะต้องมาเป็นพยานในคดีการระบายข้าววันที่ 27 เมษายนนี้ ซึ่งศาลจะกำชับเรื่องการให้สัมภาษณ์
พร้อมกันนี้ ทนายจำเลยได้ขอเลื่อนนัดสืบพยานจำเลย นัดแรกและนัดที่ 2 ออกไป เนื่องจากต้องใช้เวลาตรวจสอบคำเบิกความพยานโจทย์ ทึ่ยื่นเพิ่มเติมกว่า6หมื่นแผ่น ซึ่งไม่อาจทำได้ทันเวลา แต่จะบริหารจัดการพยานให้ไต่สวนเสร็จสิ้นทันภายวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งศาลพิจารณาและกำหนดวันไต่สวนพบานจำเลยนัดแรกวันที่ 8 กรกฎาคม 2559
+ อ่านเพิ่มเติม