ผบ.ตร.ตั้งเงินรางวัล 1 ล้าน แจ้งเบาะแสจับกุมมือวางระเบิดราชประสงค์
logo ข่าวอัพเดท

ผบ.ตร.ตั้งเงินรางวัล 1 ล้าน แจ้งเบาะแสจับกุมมือวางระเบิดราชประสงค์

8,569 ครั้ง
|
19 ส.ค. 2558

ผบ.ตร. ตั้งเงินรางวัล 1 ล้านบาทแก่ผู้ชี้เบาะแส จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาเหตุวางระเบิด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนแจ้งข้อมูลหาตัวคนร้าย

 

ภายหลังจากที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมเพื่อวางแนวทางป้องกันเหตุวางระเบิดและติดตามความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้าย วางระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ และเชิงสะพานตากสิน โดยได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนที่จะเปิดเผยว่าในการประชุมครั้งนี้ เป็นการวางแนวทางการปฏิบัติภายหลังจากที่นายกฯ และรองรองนายกฯ กำกับดูแลความมั่นคง ได้สั่งการเพื่อดูแลประชาชน และชาวต่างชาติไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก

 

โดยได้วางแนวทางไว้ 3 แนวทางคือ

1.กำกับดูแลสถานที่สำคัญ เช่น สถานที่ท่องเที่ยว สถานทูต รวมถึงห้างสรรพสินค้า

2. ดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน และชาวต่างชาติ

3. สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว

 

พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน ให้ช่วยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับคนร้ายผ่านทางช่องทางต่างๆ ทั้งหมายเลขโทรศัพท์ 1599 และ 191

 

โดย ผบ.ตร.ได้ตั้งเงินรางวัลแก่ผู้ชี้เบาะแส 1 ล้านบาท จนหากสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ ซึ่งอาจจะมีเงินรางวัลมากกว่านั้น สามารถแจ้งได้ไม่ว่าจะเป็นประชาชน หรือแม้แต่ข้าราชการตำรวจ ทหาร

 

ขณะเดียวกันยังยืนยันว่าคนร้ายมีการกระทำเป็นกระบวนการ เนื่องจากรู้ช่องทางหลบหนีเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นบุคคลที่ใส่เสื้อเหลือง ต้องรอการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดเพื่อความแน่ชัด และหาความเชื่อมโยงกับพยานหลักฐาน หากพนักงานสอบสวนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพียงพอ ก็จะสามารถออกหมายจับได้ และยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ว่าเป็นกลุ่มใด แต่เชื่อว่าคนร้ายต้องการดิสเครดิตรัฐบาล เพื่อทำให้เกิดความหวาดกลัว จนกระทบต่อเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว กำชับสื่อมวลชนควรนำเสนอข่าวที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย

 

พร้อมทั้งเตือนประชาชนหากมีการแชร์ข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จจนเกิดความตื่นตระหนก และเข้าข่ายความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ ก็จะดำเนินการตามกฏหมายทันที ขณะเดียวกันได้เซ็นคำสั่งจัดตั้งกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นศูนย์ปฏิบัติการ โดยให้ผู้บัญชาการเป็นผู้อำนวยการศูนย์ โดยให้ประสานกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจสันติบาล , กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-7 เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และวางแนวทางป้องกันการก่อเหตุร้าย โดยจะทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวให้กลับคืนมา