ใกล้เข้ามาแล้วกับ F1 2025 โดยเรซแรกจะเริ่มในวันที่ 14 มีนาคม 2025 ซึ่งจัดการแข่งขันที่ ออสเตรเลีย กรังปรีซ์ สนามอัลเบิร์ต พาร์ค เซอร์กิต แต่ก่อนที่จะไปสนุกกับการแข่งขันครั้งใหม่ เรามาย้อนดูเรื่องราวที่ผ่านมาในฤดูกาลปี 2024 กันดีกว่า
- แชมป์โลกปี 2024: Max Verstappen ครองบัลลังก์ขึ้นเป็นแชมป์โลก 4 สมัย

ฤดูกาลนี้ถือเป็นอีกปีที่น่าจดจำ โดย Max Verstappen สามารถรักษาตำแหน่งแชมป์ไว้ได้ หลังจากขับเคี่ยวชิงความเป็นที่หนึ่งกับ Lando Norris จากทีม mclaren และฟันฝ่าอุปสรรคมากมายที่ทำให้หลายคนเกิดคำถามว่าMax Verstappen จะยังสามารถครองตำแหน่งแชมป์โลกไว้ได้อยู่หรือไม่ โดยจุดเปลี่ยนสำคัญของฤดูกาลเกิดขึ้นที่ลาสเวกัสกรังด์ปรีซ์ ที่แม้จะจบไปในตำแหน่ง P5 แต่ด้วยคะแนนเก็บและความห่างของคะแนนระหว่าง Max กับ Lando ทำให้สนามนี้เป็นสนามที่คอนเฟิร์มว่า Max Verstappen จะได้รับตำแหน่งแชมป์โลก ประเภทนักขับเป็นสมัยที่ 4 แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นตำแหน่ง แชมป์โลก ประเภทผู้ผลิตก็ยังคงขับเคี่ยวกันอยู่ ซึ่งทำให้การลุ้นแชมป์ยิ่งเข้มข้นไปจนถึงสนามสุดท้าย และผลแชมป์โลก ประเภทผู้ผลิตก็ตกเป็นของม้ามืดในปี 2024 อย่าง mclaren ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ผู้ผลิตในรอบ 26 ปี
สถิติใหม่ที่ถูกทำลายโดย Max Verstappen ซึ่งแม็กซ์ทำลายสถิติการคว้าชัยชนะมากที่สุดในฤดูกาลเดียว ด้วยจำนวน 16 ครั้ง จาก 24 เรซ
โดยในปีนี้จะไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คงเป็นทีมแชมป์ผู้ผลิตอย่าง Mclaren กับความคงเส้นคงวา และสมรรถภาพของรถและนักแข่งที่เรียกได้ว่าเป็นที่น่าจับตามอง หลังจากที่ ทีมอย่าง Red bull เป็นจ่าฝูงมาหลายปี Mclaren ก็ได้ก้าวขึ้นมาแทนที่ และขับเคี่ยวกับ Red Bull จนมีสิทธิ์ที่จะได้ลุ้นกับตำแหน่งแชมป์ทั้ง 2 ประเภท ในปี 2025
- เรซที่น่าตื่นเต้นที่สุดของปี 2024

คงไม่พ้นกับเรซแห่งสายฝน อย่าง เซาเปาโล กรังปรีส์ ที่สนาม Interlagos Circuit ซึ่งเป็นสนามที่ขึ้นชื่อเรื่องการแข่งขันที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ทั้งการเอาชนะขึ้นมาเป็น P1 จาก P17 ที่เรียกได้ว่างัดศักยภาพทั้งหมดของทั้ง Max และ Red Bull แบบเกินพิกัด และโชคครั้งใหญ่ของทีม Alpine ที่ไม่มีใครคาดคิดอย่าง Alpine โพเดียมคู่ กับผลงาน P2 และ P3 หลังจากที่ไม่สามารถขึ้นโพเดียมมาได้เป็นเวลานาน ซึ่งผลงานที่ดีที่สุดของ Alpine คือการเข้าเส้นชัยแบบสามารถเก็บคะแนนให้ทีมได้เท่านั้น และเรซนี้คงเป็นหนึ่งในเรซที่ผู้ชมนั่งดูกันแบบลุ้นทุกวินาที เพราะเรื่องราวบนสนามแข่งที่เรียกได้ว่าสมกับคำว่า F1 อะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยมี ธงแดงและรถ 5 คันไม่จบการแข่งขัน นอกจากนี้ยังได้เห็น ธงดำ ครั้งแรกในรอบ 17 ปี โดย Hülkenberg ได้รับธงดำหลังจากกลับมาแข่งขัน หลังหลุดสนามไปในรอบที่ 28 ซึ่งเกิดจากกฎนักขับไม่ได้รับอนุญาตให้รับความช่วยเหลือจากปัจจัยภายนอกใดๆ เพื่อให้รถของตนกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง
- การโยกย้ายที่มากสุดในรอบหลายปี

ข่าวลือการย้ายทีม เรียกได้ว่าเปิดมาต้นปี 2024 ก็เปิดข่าวแรกกับการประกาศย้ายทีมของแชมป์โลก 7 สมัย อย่าง Lewis Hamilton ที่หลังจากอยู่กับทีม mercedes มานานหลาย 10 ปี ก็ได้ประกาศแยกทาง และเซ็นสัญญาใหม่กับม้าลำพอง Ferrari ซึ่งก็มีหลายเสียงบอกกันว่านี่อาจจะเป็นสัญญาณการเกษียณจากนักแข่งในชุดสีแดง ของลูอิส แฮมมิลตัน กับ Ferrari
นอกจากนี้แล้วปี 2024 ยังเป็นปีที่สัญญานักแข่งกับทีมหลายๆคนหมดลง ทำให้ที่นั่งใน F1 2025 ว่างอยู่หลายที่ ไม่เว้นในทีมใหญ่ๆ โดยทีมที่ยังมี Line up นักแข่งคงเดิมมีแค่ 2 ทีมเท่านั้น จาก 10 ทีม คือ Mclaren และ Astron martin ไม่เพียงเท่านั้นปีนี้ยังเป็นปีแห่ง Rookie ก็ว่าได้ เพราะมีการดึงนักขับใหม่จาก F2 มาหลายคน เช่น Jack Doohan , Oliver Bearman , Andrea Kimi ANtonelli , Isack Hadjar เป็นต้น
- ดาวรุ่งพุ่งแรงและนักขับที่โชว์ฟอร์มเกินคาด
แลนโด นอร์ริส: นักขับจากทีม McLaren ที่ทำผลงานโดดเด่น โดยเริ่มต้นตั้งแต่การคว้าแชมป์ในไมอามี่กรังปรีซ์ ซึ่งหลังจากเรซนี้แลนโดก็ได้ขึ้นมาเป็นตัวเต็งแชมป์2024 และเป็นคู่แข่งของ แม็ก เวอร์สแตพเพนอย่างเป็นทางการ และจบฤดูกาลด้วยอันดับรองแชมป์โลก
อเล็กซานเดอร์ อัลบอน: นักขับลูกครึ่งไทย-อังกฤษ จากทีม Williams Racing ที่สามารถสร้างผลงานเกินคาดในหลายสนาม แม้ว่าในลาสเวกัสกรังด์ปรีซ์จะไม่สามารถจบการแข่งขันได้

- ตัวเต็งของปี 2025: แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ยังคงเป็นตัวเต็งในการคว้าแชมป์ แต่แลนโด นอร์ริส , ชาร์ล เลอแคลร์ และจอร์จ รัสเซลล์ ก็เป็นคู่แข่งที่น่าจับตามอง
- การพัฒนาของทีม: ทีมอย่าง McLaren และ Mercedes กำลังพัฒนารถแข่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อท้าทายตำแหน่งแชมป์ของ Red Bull Racing
- นักขับหน้าใหม่: มีนักขับหน้าใหม่ที่ก้าวขึ้นมาจากฟอร์มูล่า 2 และซีรีส์อื่น ๆ ที่อาจสร้างเซอร์ไพรส์ในฤดูกาลหน้า