ปวดหัวบ่อยเป็น ๆ หาย ๆ ปัญหาที่ต้องแก้ไข ไม่อย่างนั้น สายเกินแก้
logo ข่าวอัพเดท

ปวดหัวบ่อยเป็น ๆ หาย ๆ ปัญหาที่ต้องแก้ไข ไม่อย่างนั้น สายเกินแก้

ข่าวอัพเดท : ปวดหัวบ่อย เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย แบบนี้เรียกว่าอาการ “ปวดหัวเรื้อรัง” หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการปวดหัวบ่อย ๆ ชนิดที่ว่าเป็น ๆ หาย ๆ พ ปวดหัวบ่อย,ปวดหัวเรื้อรัง,ปวดหัวผิดปกติ,ปวดหัว,ปวดหัวรุนแรง

37,449 ครั้ง
|
11 ต.ค. 2567

ปวดหัวบ่อย เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย แบบนี้เรียกว่าอาการ “ปวดหัวเรื้อรัง” หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการปวดหัวบ่อย ๆ ชนิดที่ว่าเป็น ๆ หาย ๆ พอเป็นปุ๊บกินยา อาการก็ดีขึ้น

แต่ไม่กี่วันก็กลับมาปวดใหม่ ควรระวังไว้ให้ดีเพราะการปวดหัวเรื้อรังแบบนี้อาจไม่ใช่การปวดหัวธรรมดา แต่อาจเกิดจากความผิดปกติของร่างกาย

อาการแบบไหน เรียกว่า “ปวดหัวเรื้อรัง”

อาการปวดหัวเรื้อรังเป็นอาการปวดหัวที่เกิดขึ้นมากกว่า 15 วันต่อเดือน โดยมักมีอาการปวดที่ติดต่อกันอย่างน้อย 3 เดือน ซึ่งอาการดังกล่าวอาจเป็นการปวดหัวที่เกิดจากความเครียด, ไมเกรน, การกินยาแก้ปวดเกินขนาด, การใช้ยาแก้ปวดไม่ถูกต้อง หรืออาจเกิดจากโรคต่างๆ ภายในร่างกาย ทำให้เกิดเป็นอาการปวดหัวเรื้อรังเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

ปวดหัวเรื้อรัง… บอกถึง “ความผิดปกติ”

อะไรได้บ้าง อาการปวดหัวเรื้อรัง สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ

ปวดหัวเรื้อรังแบบเป็นอันตราย โดยอาการปวดหัวดังกล่าวอาจเกิดจากสาเหตุของโรคต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง เนื้องอกในสมอง ฯลฯ ซึ่งต้องได้รับการตรวจรักษาโดยด่วน

ปวดเรื้อรังแบบไม่เป็นอันตราย แต่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน คืออาการปวดหัวที่เกิดขึ้น จากความเครียด การทำงาน อาการตึงของกล้ามเนื้อ ซึ่งอาการดังกล่าวถึงแม้ว่าจะไม่เป็นอันตราย แต่ก็ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

ซึ่งหลายคนมักคิดว่าแค่อาการปวดหัวซื้อยามากินก็หาย หรือเป็นแค่อาการปวดตึงกล้ามเนื้อ แค่ไปนวดเดี๋ยวอาการก็ดีขึ้น แต่ความจริงแล้วการที่เรารักษาเองอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ใช้ยาเกินขนาดจนส่งผลต่อตับและไต หรือกระทั่งการนวดคลายกล้ามเนื้อที่รุนแรง จนทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเลือดบาดเจ็บกลายเป็นปัญหาปวดหัวเรื้อรัง

ปวดหัวแบบนี้อย่าวางใจ… ควรรีบไปหาหมอ 

แม้ว่าการปวดหัวอาจไม่ได้เกิดจากโรคร้ายแรง แต่หากมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วยควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเกิดจากภาวะเลือดออกในสมอง หรือมีอาการติดเชื้อในระบบประสาทได้

ปวดหัวแบบรุนแรงและมักเกิดขึ้นทันที

ปวดหัวและรู้สึกว่ามีไข้ มีอาการคอแข็งร่วมด้วย

รู้สึกว่าแขนขาอ่อนแรง มีความผิดปกติเกิดขึ้น

มีอาการปวดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กินยาแล้วไม่ทุเลา

ป้องกันการปวดหัวได้ดีที่สุด คือการ “ดูแลตัวเอง” หมั่นสังเกตตัวเองว่าอะไรคือสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัว เพราะสิ่งกระตุ้นของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป เมื่อรู้แล้วก็ควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้น และหากพบว่าอาการปวดหัวที่เกิดขึ้นนั้นผิดปกติไปจากการปวดหัวทั่วไป ก็ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษา อย่าปล่อยนานจนทุกอย่างสายเกินจะแก้ไข

 

อ้างอิง https://www.paolohospital.com/th-TH/chokchai4/Article/Details/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/-%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%A8%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%87--%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%82-%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89