ธาตุเหล็กสำคัญกับ เด็ก แค่ไหน ?
logo ข่าวอัพเดท

ธาตุเหล็กสำคัญกับ เด็ก แค่ไหน ?

ข่าวอัพเดท : ธาตุเหล็ก เป็นองค์ประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดงในเลือด เป็นตัวนำออกซิเจนและสารอาหารต่าง ๆ เข้าสู่เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ธาตุเหล็กมีความส ธาตุเหล็ก,แม่และเด็ก,ทารก,เด็กทารก,เลี้ยงเด็ก,พ่อแม่,ตั้งครรภ์

699 ครั้ง
|
05 ต.ค. 2566
ธาตุเหล็ก เป็นองค์ประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดงในเลือด เป็นตัวนำออกซิเจนและสารอาหารต่าง ๆ เข้าสู่เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ธาตุเหล็กมีความสำคัญอย่างมากต่อพัฒนาการของร่างกายและสมองของทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา โดยเฉพาะในหนึ่งปีแรก หากขาดธาตุเหล็กในช่วงนี้ จะส่งผลเสียต่อการพัฒนาสมองในระยะยาวอย่างถาวร
 
ธาตุเหล็กนอกจากเป็นองค์ประกอบในเม็ดเลือดแดงแล้ว ยังเป็นส่วนประกอบของกล้ามเนื้อและเอ็นไซม์ของอวัยวะต่างๆในการทำหน้าที่อื่นๆ นอกจากนี้ร่างกายยังมีระบบการสำรองธาตุเหล็กสะสมในอวัยวะต่างๆ เช่น ไขกระดูก ตับ และ ม้าม ทารกแรกเกิดได้รับธาตุเหล็กจากมารดาผ่านทางรกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ หลังจากคลอดจะได้ธาตุเหล็กจากอาหาร ได้แก่ น้ำนมแม่ และ อาหารอื่น ๆ ธาตุเหล็กจากน้ำนมแม่จะดูดซึมได้ดีมากถึงร้อยละ 50 ของธาตุเหล็กที่มีอยู่ น้ำนมแม่จึงเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก ในภาวะปกติจะเพียงพอสำหรับลูกจนถึงอายุ 6 เดือน
 
มีการศึกษาทั่วโลกพบว่าการขาดธาตุเหล็กในวัยทารก จะมีปัญหาต่อสมองโดยเฉพาะด้านเชาว์ปัญญา สมาธิ และปฏิภาณไหวพริบ (Cognitive Function) ในกรณีที่ขาดธาตุเหล็กและได้รับการแก้ไขก็อาจจะไม่สามารถทำให้สมองกลับมาเป็นปกติได้เหมือนคนที่ไม่เคยขาด โดยพบว่าเด็กอาจจะมีการสูญเสียศักยภาพด้านสติปัญญาไป ทำให้ IQ ต่ำลงอย่างถาวร
 
การขาดธาตุเหล็กยังทำให้มีภาวะโลหิตจาง ทำให้มีการเจริญเติบโตของร่างกายต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย อาจพบว่าเด็กมีความสูงน้อยกว่าเกณฑ์เฉลี่ย การขาดโภชนาการที่ถูกต้องอาจทำให้ติดเชื้อและเจ็บป่วยได้ง่าย ส่วนใหญ่ของผู้ที่ขาดธาตุเหล็กมักไม่แสดงอาการ ในกลุ่มที่ขาดในระดับรุนแรงพบว่ามีอาการซีด เม็ดเลือดแดงขนาดเล็ก อ่อนเพลีย หงุดหงิด หัวใจเต้นเร็ว ความอยากอาหารลดลง บางคนมีพฤติกรรมการรับประทานที่ผิดปกติ เช่นรับประทานน้ำแข็งมาก รับประทานกระดาษ แป้ง ข้าวดิบ มีลิ้นเลี่ยน ลักษณะเล็บผิดปกติ  นอกจากนี้ ภาวะขาดธาตุเหล็กยังส่งผลต่อการพัฒนาการของสมองและการเรียนรู้ของเด็กอีกด้วย
 
ธาตุเหล็กได้มาจากที่ไหนบ้าง  
• ธาตุเหล็กที่สะสมอยู่ในตัวทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา
   โดยปกติทารกที่คลอดครบกำหนดน้ำหนักตัวปกติ จะมีธาตุเหล็กเพียงพอต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสมองเพียง 4 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้นทารกจำเป็นต้องได้รับธาตุเหล็กจากแหล่งอื่น
• ธาตุเหล็กที่ได้จากอาหาร
   โดยที่น้ำนมแม่มีธาตุเหล็กอยู่น้อยเพียงพอสำหรับทารกจนอายุ 4 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้นถ้ากินนมแม่อย่างเดียว Centers of Disease Control and Prevention (CDC) และ American Academy of Pediatrics (AAP) แนะนำว่าต้องได้รับธาตุเหล็กและวิตามิน D เสริมเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กขาดธาตุเหล็กและวิตามิน D 
 
ผลกระทบของการขาดธาตุเหล็ก
-ผลต่อสมองและความฉลาด เด็กที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก มี IQ ต่ำลง 5-10 จุด มีพัฒนาการช้ากว่า
-ผลต่อพฤติกรรม การขาดธาตุเหล็กทำให้เด็กมีอารมณ์หงุดหงิด ตกใจง่าย เซื่องซึม
-ผลต่อร่างกาย เด็กที่มีภาวะโลหิตจางมีน้ำหนักและส่วนสูงน้อยกว่าเด็กที่ไม่ขาดธาตุเหล็ก ความสามารถในการทำงานของกล้ามเนื้อลดลง
-ผลต่อภูมิคุ้มกัน การขาดธาตุเหล็กทำให้ประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันลดลง ทำให้เด็กไม่สบายง่ายขึ้น
 
การป้องกันการขาดธาตุเหล็กในทารก  
• ทารกที่ดื่มนมแม่อย่างเดียวในช่วง 4 เดือนแรก จึงจำเป็นต้องเสริมธาตุเหล็ก โดยอาหารเสริมที่มีธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น เช่น น้ำซุปที่ทำจากเนื้อสัตว์ ตับ หรือผักใบเขียว
• ให้ทานวิตามินที่มีธาตุเหล็ก
• การดื่มนมผงที่มีธาตุเหล็กผสม (fortified milk) 
• ให้คำแนะนำเรื่องอาหาร ในกรณีที่ดื่มนมถั่ว เนื่องจากนมถั่วมี Phytate มากเกินไปจะขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กในทารก
• การดื่มนมกล่องที่เป็นนมวัวแท้ๆ (UHT) มีธาตุเหล็กน้อย และไม่เหมาะสมสำหรับเด็กที่ต้องการธาตุเหล็ก
 
อ้างอิงข้อมูลจาก :  https://shorturl.asia/n7CZU 
                              https://shorturl.asia/SyKt8