logo ถกไม่เถียง

ศาลออกหมายจับ "สันติ" ฆาตกรโหด ฆ่าสามี-ภรรยาชาวไทย ยัดท้ายรถหรูที่ไต้หวัน #ถกข่าวร้อน

ถกไม่เถียง : ออกหมายจับแล้ว ‘นายสันติ’ มือฆ่าสามีภรรยาคนไทย หมกเก๋งหรูที่ไต้หวันแล้ว ด้านตำรวจกองปราบฯ ส่งชุดสืบสวนไปติดตามหาเบาะแส ล่าสุด ทราบว่ ถกข่าวร้อน,ฆ่ายัดท้ายรถ,ฆ่าคนไทยในไต้หวัน,ฆ่าสามีภรรยา,สาวท้องแฝดถูกฆ่า,ฆ่าเพื่อนสนิท,ปมเงินกู้,ออกหมายจับนายสันติ

543 ครั้ง
|
14 มิ.ย. 2565

ออกหมายจับแล้ว ‘นายสันติ’ มือฆ่าสามีภรรยาคนไทย หมกเก๋งหรูที่ไต้หวันแล้ว ด้านตำรวจกองปราบฯ ส่งชุดสืบสวนไปติดตามหาเบาะแส ล่าสุด ทราบว่า ได้ยืมรถยนต์ของพ่อ เข้าไปในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก

 

ฆ่ายัดท้ายรถหรู

 

จากข้อมูลที่ทีมข่าวทราบ นายสันติ เดินทางออกจากประเทศไทยไปไต้หวัน เมื่อวันที่ 6 เม.ย.2565 และ เดินทางกลับเข้าไทย เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2565 จากนั้น นั่งเครื่องต่อไปยัง จ.เชียงใหม่ จากนั้นได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายสันติ ได้เดินทางไปยังที่หมู่บ้านจัดสรร ในตำบลหนองหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนไปพบ  พี่เขยของนายสันติ  กระทั่งทราบข้อมูลว่า เมื่อเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ของ วันที่ 9 มิถุนายน นายสันติ นั่งรถตู้ มาหาที่บ้าน อ้างว่า คิดถึงลูก ก่อนขอยืม รถเก๋งวอลโว่ ของพ่อขับออกไปไม่ทราบจุดหมาย แล้วก็ติดต่อหากันไม่ได้อีก

 

 

ล่าสุด ตำรวจไล่กล้องวงจรปิดหาเบาะแส ก่อนไปพบว่า นายสันติ ขับรถผ่านไปทางจังหวัดอุตรดิตถ์ แล้วเข้าไปทางจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเชื่อว่า นายสันติ ยังกลบดานอยู่ในประเทศไทย

 

สำหรับคดีนี้ แม้ว่า นายสันติ จะมีหลายสัญชาติ อีกทั้งความผิดจะเกิดนอกราชอาณาจักร แต่ผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตเป็นคนไทย และ ผู้ก่อเหตุหลบหนีเข้ามาไทย ตำรวจจึงมีอำนาจดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8 โดยมีผู้เสียหายตามกฎหมาย คือ พ่อ แม่ ภรรยาและบุตร เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำความผิด ซึ่งตามหลักการการดำเนินคดี ทำได้เช่นเดียวกับเหตุที่เกิดในไทย

 

ฆ่ายัดท้ายรถหรู

 

เกี่ยวกับการถือสัญชาติของ “นายสันติ” หรือนายหยาง ทางทีมข่าว ถกข่าวร้อน ได้รับรายงานกรณีที่นายสันติได้ถือสัญชาติ 3 สัญชาติ คือ สัญชาติไทย เมียนมา และไต้หวัน

 

โดยการถือสัญชาติไทยของนายสันติ มาจากการที่นายสันติได้ถือกำเนิดในประเทศไทย จึงได้สิทธิ์การแปลงสัญชาติเป็นไทย (คนต่างด้าวทั่วไป) ตาม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2508 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนกรณีที่มีสัญชาติไต้หวัน มีการระบุว่า พ่อของนายสันติเคยเป็นทหารของพรรคก๊กมินตั๋ง ที่หลังจากแตกทัพได้หลบหนีเข้ามาตั้งรกรากอยู่ในประเทศไทย ตั้งแต่สมัยสงครามลัทธิในประเทศจีน จนกระทั่งต่อมาในรุ่นลูก ทำให้ได้รับสิทธิ์เป็นพลเมืองของไต้หวัน เพราะถือว่าพ่อเคยเป็นทหารของผู้ก่อตั้งไต้หวันมาก่อน

 

ขณะที่สัญชาติเมียนมา มาจากที่ตัวของนายสันติ มีเชื้อสายชนเผ่าว้า จึงมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะมีสิทธิ์ถือสัญชาติเมียนมา

 

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้สอบถามไปยังนายตำรวจระดับสูงในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า กรณีการถือสัญชาติ 3 สัญชาติของนายสันติ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่พบหลักฐานที่ยืนยันได้ชัดเจนในเรื่องนี้ ก็คือ มีหลักฐานในการถือสัญชาติไทยเท่านั้น ส่วนสัญชาติไต้หวัน จะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดเผยข้อมูลในเรื่องนี้เอง ส่วนกรณีการถือสัญชาติเมียนมานั้น ตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับข้อมูลว่า นายสันติ มีเอกสารในการถือสัญชาติเมียนมาแต่อย่างใด

 

ด้าน พลตำรวจโท ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า จากข้อมูลทางการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องสงสัย ได้รับการช่วยเหลือจากคนสนิท จึงเป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง คือ ยังกบดานตัวอยู่ในประเทศ หรือ อาจถูกช่วยพาหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว เนื่องจากผู้ให้การช่วยเหลือ ค่อนข้างสนิทสนม กับ กลุ่มว้าแดง ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศเพื่อนบ้าน แต่อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวต้องรอการสืบสวนหาเบาะแสให้ชัดเจนกว่านี้ก่อน จึงจะยืนยันได้

 

ขณะที่ บ้านใหม่หนองบัว ในพื้นที่อำเภอไชยปราการ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายสันติ โดยชาวบ้านต่าง ๆ ได้มีการจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะรู้จักกับผู้ตายและนายสันติเป็นอย่างดี พร้อมบอกว่า นายสันติและผู้ตาย สนิทสนมกัน เพราะเคยเรียนหนังสือมาด้วยกัน อีกทั้งที่ผ่านมาเคยช่วยเหลือกันมาตลอด  

 

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้ไปพูดคุยกับพ่อของนายสันติ โดยพ่อของนายสันติ บอกว่า จากข้อมูลที่ได้รับมา เชื่อว่า ลูกชายน่าจะเป็นคนทำ แต่ไม่เชื่อว่า ลูกชายจะทำคนเดียว น่าจะมีคนอื่นร่วมด้วย ซึ่งก่อนลูกชายจะหายตัวไป ได้เข้ามาที่บ้านในพื้นที่อำเภอสันทราย จากนั้น ได้ยืมรถยนต์และนำมาจอดไว้ที่บ้านที่อำเภอไชยปราการ แล้วหายตัวไป โดยไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปเลย พร้อมอยากจะขอร้องให้ลูกชายเข้ามอบตัวกับตำรวจผิดถูกก็ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย

 

จากกระแสข่าวที่มีการระบุว่า นายสันติ อาจจะหลบหนีเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยการลักลอบเข้าไปตามเส้นทางธรรมชาตินั้น ล่าสุด ทีมข่าวได้รับรายงานจากชุดสืบสวน ประกอบกับข้อมูลที่ทีมข่าวได้ทำการตรวจสอบ ซึ่งคาดว่าเส้นทางที่นายสันติอาจจะใช้หลบหนีมีประมาณ 2 เส้นทางหลักๆ คือ 

ฆ่ายัดท้ายรถหรู

เส้นทางแรก อาจจะเป็นการหลบหนีจากบ้านพักในอำเภอไชยปราการ โดยจะมีเส้นทางเดินทางไปสู่เส้นทางชายแดนโดยช่องทางธรรมชาติ มีระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตเศษ ๆ 

ฆ่ายัดท้ายรถหรู

ขณะที่เส้นทางที่สอง คาดว่าเป็นการหลบหนีจากบ้านพักในอำเภอสันทราย นายสันติจะต้องขับรถเป็นระยะทางกว่า 100 กิโลเมตร และยังต้องเดินเท้าอีก 20 กิโลเมตร จึงจะถึงแนวชายแดนที่เป็นเส้นทางธรรมชาติในการหลบหนี

 

ชมผ่าน YouTube ได้ที่  https://youtu.be/z1Hu953XKfA

ข่าวที่เกี่ยวข้อง