จากกรณีที่มีการแชร์ภาพศพของ แตงโม นิดา ตอนกู้ร่างในโลกออนไลน์ จนเกิดกรณีเรียกร้องให้มีการหยุดส่งต่อรูปดังกล่าว ถึงขั้นมีการออกมาเรียกร้องให้ลงโทษผู้ที่นำภาพชุดดังกล่าวออกมาเผยแพร่
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มาจากมีผู้ใช้อินสแกรมรายหนึ่ง ได้นำรูปของแตงโม นิดา ซึ่งเป็นภาพขณะถูกกู้ร่างขึ้นมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นภาพที่เธอเสียชีวิตแล้วนำมาเผยแพร่ โดยแอ็กเคานต์ดังกล่าวได้โพสต์ข้อความว่าที่ออกมาทำเช่นนี้เพราะมีหลักฐานสำคัญที่สามารถชี้ตัวคนร้ายได้ อีกทั้งอ้างว่าทำตามหน้าที่ และต้องการปกป้องแตงโม โดยการออกมาพูดความจริง และอ้างว่าจากประสบการณ์ที่เก็บกู้ศพมาเป็นร้อยศพ สภาพแบบนี้ต้องเป็นศพที่ถูกตบ ต่อย แทง ถีบ
ต่อมา เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ผู้ที่ขับรถกู้ชีพนำร่างของ แตงโม ไปที่ สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือ ออกมาเปิดเผยว่า มีเพียงเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 3 คน ที่ขึ้นมาบนรถ และถ่ายภาพเหล่านั้น ซึ่งตามจรรณยาบรรณ ทีมงานร่วมกตัญญูจะไม่ถ่ายภาพอยู่แล้ว
และเรื่องนี้เอง กระติก อิจศรินทร์ ได้ออกมาเคลื่อนไหว โพสต์อินสตาแกรมว่า ขอให้ผู้ที่โพสต์หรือแชร์รูปภาพร่างของแตงโม หยุดและยกเลิกการกระทำดังกล่าว เธอเชื่อมั่นว่าความต้องการสุดท้ายของ แตงโม คือการจากไปด้วยภาพที่น่าจดจำ ขอให้หยุดการกระทำที่ละเมิดสิทธิ และทำลายความต้องการของแตงโม และคนที่รักโมโดยทันที ขอความกรุณาผู้ที่ได้รับภาพดังกล่าว งดการแชร์ต่อด้วย
เช่นเดียวกับ แอนนา เพื่อนสนิท ออกโรงยืนยันขอเอาผิดคนส่งต่อภาพไม่เหมาะสม โดยเจ้าตัวได้โพสต์เฟซบุ๊กพร้อมระบุถึงการดำเนินการเอาผิดกับคนที่ปล่อยรูปแตงโมในสภาพไม่น่าดู
ข้อกฏหมายซึ่งเป็นบทลงโทษของผู้ที่ส่งต่อหรือแชร์ภาพศพ อ้างอิงจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 366/4 และ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 22) 2558 ระบุว่า "ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามศพ ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ"
หากตีความตามข้อกฏหมายดังกล่าว หมายความว่า ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถฟ้องร้องในกรณีนี้ได้ เพราะการเผยแพร่ภาพศพถือเป็นสภาพที่ไม่น่าดูของผู้เสียชีวิต หากผู้เสียชีวิตและญาติไม่ต้องการเผยแพร่ภาพเหล่านั้น การแชร์ภาพศพ หรือโพสต์ภาพศพ จึงไม่ต่างอะไรไปจากการดูหมิ่นผู้เสียชีวิตด้วยด้วย
+ อ่านเพิ่มเติม