DSI วางกรอบพิสูจน์คดี “แตงโม” 6 เดือน หลังเก็บ DNA จากโทรศัพท์ | ข่าวเย็นประเด็นร้อน

134 ครั้ง

07 ก.พ. 2568

แชร์ข่าวไปที่

ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หลังโทรศัพท์มือถือของ แตงโม นิดา ถึงมือเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ก็ได้ทำการเก็บดีเอ็นเอทันที ล่าสุด เมื่อเช้านี้ ดีเอสไอ ได้ส่งต่อสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว วางกรอบพิสูจน์ไว้ 6 เดือน

โทรศัพท์มือถือ แตงโม ถึงไทย ไขคดีเสียชีวิต

เมื่อคืนนี้ เวลา 00.30 น. พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ หลังไปรับโทรศัพท์มือถือของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม ที่ นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือ บังแจ็ค เก็บไว้ที่สหรัฐอเมริกา โดยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอไปรอรับถึงประตูเครื่องบิน ก่อนมอบให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบซองที่ใช้บรรจุโทรศัพท์ มีทั้งหมด 2 ซอง ลักษณะซองซิปล็อก เบื้องต้น มีการเก็บดีเอ็นเอทั้งในซองและนอกซอง ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้เก็บดีเอ็นเอของ พ.อ.นพ.ธวัชชัย ด้วย โดยมี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร่วมสังเกตการณ์ด้วย

อ้างคนขอซื้อโทรศัพท์ แตงโม 2-5 ล้านบาท

ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบโทรศัพท์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย ได้ติดต่อไปยัง บังแจ็ค เพื่ออัปเดตความคืบหน้า โดย บังแจ็ค เปิดใจว่า รู้สึกดีใจที่โทรศัพท์ของแตงโมถึงมือดีเอสไอ พร้อมบอกว่า ยังไม่ได้มอบรหัสให้ นายแพทย์ธวัชชัย เนื่องจากต้องการมอบให้ดีเอสไอเท่านั้น

ครั้งแรกที่ได้รับโทรศัพท์มา ยังไม่ยืนยันว่าข้อมูลที่ได้มานั้นเป็นข้อมูลจากโทรศัพท์ของแตงโมจริง เพราะมองว่าผ่านมาหลายมือ ไม่ว่าจะเป็นคนบนเรือ ตำรวจ หรือคนอื่น ๆ แต่ภายหลังกู้ข้อมูลกลับมาได้ ก็พร้อมจะส่งกลับมาที่ไทย เคยติดต่อไปหาคุณแม่ และ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ แต่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีสนใจโทรศัพท์เครื่องนี้เลย

นอกจากนี้ บังแจ็ค ยังเปิดเผยข้อมูลอีกว่า ก่อนหน้านี้ยังไม่มีใครมาขอซื้อโทรศัพท์แตงโม กระทั่ง นายแพทย์ธวัชชัย ต้องการ ปรากฏว่าจู่ ๆ มีคนมาขอซื้อ ราคาถึง 2-5 ล้านบาท แต่ตนไม่ได้ขายให้ เพราะไม่ได้ต้องการเงิน ส่วนตัวเชื่อว่าในโทรศัพท์เครื่องนี้มีข้อมูลที่สำคัญทางคดีอย่างแน่นอน

แม่แตงโม ส่งโทรศัพท์ให้ บังแจ็ค

แท้ที่จริงแล้ว แม่ของแตงโมเป็นคนส่งไปให้เมื่อ 3 ปีก่อน โดยแม่บอกว่า ไม่ไว้ใจแอปเปิลไทยในการกู้ข้อมูล ส่วนที่ไว้ใจ บังแจ็ค เพราะเขาเป็นคนปากหวาน พูดจาสุภาพ หลังคุยกันทุกวันก็สนิทและเชื่อใจ จึงส่งโทรศัพท์ไปให้กู้ข้อมูล

ฝากถึงคนบนเรือ รับสารภาพ

หลังพูดคุยกับบังแจ็ค พ.อ.นพ.ธวัชชัย แถลงว่า หลังเจอบังแจ็ค ได้ดูภาพและข้อมูลต่าง ๆ ในโทรศัพท์ ขณะนั้นได้ถ่ายคลิปไว้ มีสิ่งที่น่าสงสัย คือ ภายในโทรศัพท์ไม่มีภาพของคุณแตงโมอยู่เลย หลังจากเวลา 20.36 น. หรือหลังจากเวลาลงเรือ ตรงนี้น่าสงสัยว่า แตงโมไม่อยู่บนเรือแล้วหรือไม่ ส่วนนี้ต้องให้คนบนเรือตอบ

จากที่ดูข้อมูล พบว่า มีเจ้าหน้าที่ประพฤติมิชอบ ทั้งเรื่องที่ไม่มีภาพของคุณแตงโมเลยหลังจากขึ้นเรือ ไม่มีการตรวจสอบเบอร์โทรเข้าออก และยังมีการทำลายหลักฐาน เชื่อว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ต้องรู้ตัวแล้ว

อัจฉริยะ เชื่อเอาผิด จนท.รัฐได้

ด้าน นายอัจฉิยะ กล่าวว่า ข้อมูลจากมือถือของแตงโมเป็นเพียงส่วนประกอบ 5-10 เท่านั้น แต่มีหลักฐานอื่น ๆ มากกว่านี้ที่จะเอาผิด ถึงไม่มีมือถือของแตงโมก็สามารถเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐ เอาผิดคนบนเรือได้อยู่แล้ว โดยหลักฐานที่ดีเอสไอมีจำนวนมาก มีคนเกี่ยวข้องเป็น 100 คน ถึงเวลาต้องกวาดให้เกลี้ยง

DSI วางกรอบเวลา 6 เดือน คดีแตงโม

พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ กล่าวว่า หลังตรวจสอบว่าโทรศัพท์แตงโมมีดีเอ็นเอของใครติดอยู่บ้าง สัปดาห์หน้าช่วงวันที่ 10-17 กุมภาพันธ์ จะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ปากคำ หลังจากนั้นจะประสานกรมเจ้าท่าเพื่อลงสแกนภาพ 3 มิติ ในแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงที่เรือวิ่งตามที่จีพีเอสระบุ

รวมทั้งสแกนภาพจุดที่เราสงสัย โดยใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ มีอยู่ 6 จุด ที่ปรากฏตามคลิปต่าง ๆ โดยมีกรอบระยะเวลาดำเนินการเรื่องนี้ 6 เดือน และสามารถขยายได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 3 เดือน อย่างไรก็ตาม หลังจากดำเนินการไป 3 สัปดาห์ ถือว่าคืบหน้าไปเยอะแล้ว แต่บอกเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ได้

สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เร่งตรวจสอบโทรศัพท์มือถือแตงโม

วันนี้ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ นำโทรศัพท์มือถือพร้อมเคสของแตงโม ไปมอบให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบหาพยานหลักฐานแล้ว

ผศ. นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยว่า หลังจากรับหลักฐานโทรศัพท์มือถือ ได้ส่งต่อให้เจ้าหน้าที่กองตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญดำเนินการตรวจสอบในทันที โดยจะมีการเก็บพยานหลักฐานทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นลายนิ้วมือ หรือแม้แต่กระทั่งการกู้ข้อมูล ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้เวลานานมากกว่าปกติ เพราะระยะเวลาผ่านมานานแล้วกว่า 3 ปี หากเป็นกรณีปกติจะใช้เวลาไม่เกิน 10 วัน เท่านั้น สำหรับการกู้ข้อมูล ยังไม่ยืนยันว่าจะสามารถกู้ข้อมูลมาได้ทุกอย่างหรือไม่ เพราะต้องตรวจสอบก่อนว่าข้อมูลมีความเสียหายมากน้อยเพียงใด

ติดตาม รายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.00-17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35