ศบค.เคาะเปิดกิจการ คลายล็อกเพิ่ม ลดเวลาเคอร์ฟิว พร้อมปรับตัวรับโควิดเป็นโรคประจำถิ่น
logo ข่าวอัพเดท

ศบค.เคาะเปิดกิจการ คลายล็อกเพิ่ม ลดเวลาเคอร์ฟิว พร้อมปรับตัวรับโควิดเป็นโรคประจำถิ่น

ข่าวอัพเดท : วันที่ 27 ก.ย.64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ( ศบค.) เปิ ศบค,คลายล็อก,เคอร์ฟิว,ลดเวลา,โควิด

822 ครั้ง
|
27 ก.ย. 2564
วันที่ 27 ก.ย.64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ( ศบค.) เปิดเผยถึงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน โดยมีมติสำคัญ ดังนี้
 
- มติขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ครั้งที่ 14 ออกไปอีก 2 เดือน หรือให้มีผลบังคับจนถึงวันที่ 30 พ.ย.64 โดยจะใช้เวลาในช่วงนี้เพื่อเตรียมความพร้อมในช่วงรอยต่อก่อนการบังคับใช้ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.โรคติดต่อ
- พื้นที่ควบคุมและสูงสุดและเข้มงวด 10 กิจการ/กิจกรรม เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.64  ได้แก่
 
1.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน 
2.ห้องสมุดสาธารณะ ห้องสมุดชุมชน ห้องสมุดเอกชนและบ้านหนังสือ
3.พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์สถานพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น รวมถึงพิพิธภัณฑ์ในลักษณะเดียวกันแหล่งประวัติศาสตร์ หรือโบราณสถาน
4.ศูนย์การเรียนรู้ หรือศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา อุทยานวิทยาศาสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมหรือหอศิลป์ 
5.ร้านทำเล็บ เปิดดำเนินการได้แต่ต้องนัดหมาย
6.ร้านสัก เปิดดำเนินการได้โดยนัดหมายล่วงหน้า ลูกค้าได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือมีผลตรวจ ATK หรือ RT-PCR เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง
7.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ (นวด สปา)เปิดดำเนินการได้ โดยนัดหมายล่วงหน้าจำกัดเวลาบริการไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อคน แต่ยังไม่เปิดบริการอบไอน้ำ สามารถเปิดบริการที่ใช้น้ำ เพื่อสุขภาพในกิจการสปา
8.โรงภาพยนตร์ เปิดดำเนินการได้ถึงเวลา 21.00 น.เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร หรือลดจำนวนเหลือประมาณ 50% สวมหน้ากากตลอดเวลา และไม่รับประทานอาหาร
9.การเล่นดนตรีในร้านอาหารเปิดดำเนินการได้ จำกัดจำนวนนักดนตรีไม่เกิน 5 คน นักดนตรีสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา นักร้องถอดหน้ากากอนามัย เฉพาะเวลาร้องเพลง หรือแสดง 
10. ส่วนศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการ ยังไม่เปิดดำเนินการ ให้มีการติดตามสถานการณ์ 2-4 สัปดาห์ เนื่องจากทำให้มีการเดินทางเข้าร่วมอบรมสัมมนาจากหลายพื้นที่และมีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก
 
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อเสนอการปรับเงื่อนไขมาตรการ สำหรับกิจการและกิจกรรมในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ประกอบด้วย
 
1. การห้ามออกนอกเคหสถาน ปรับลดเป็นเวลา 22.00-04.00 น.อย่างน้อย 15 วัน 
 
2.ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า เปิดบริการได้ถึงเวลา 21.00 น. สถาบันกวดวิชาได้ ให้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพฯ รวมถึงให้เปิดโรงภาพยนตร์ สปา ห้องออกกำลังกาย ฟิตเนส สระว่ายน้ำได้ ตามแนวทางที่กำหนด แต่ยังไม่เปิดดำเนินการตู้เกมเครื่องเล่น ร้านเกม สวนสนุก สวนน้ำ ห้องประชุมและห้องจัดเลี้ยง
 
3.ร้านสะดวกซื้อตลาดสดหรือตลาดนัด เปิดดำเนินการได้ถึงเวลา 21.00 น. 4. ประเภทกีฬากลางแจ้ง หรือในร่มที่เป็นที่โล่งอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีระบบปรับอากาศ หรือประเภทกีฬาในร่มที่มีเครื่องปรับอากาศมาตรการเดิม เปิดได้ทุกประเภทกีฬาไม่เกินเวลา 21.00 น.โดยจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมตามขนาดสถานที่และประเภทกีฬา
 
กรณีประเภทกีฬาในร่มจัดการแข่งขันได้โดยไม่มีผู้ชม ส่วนกรณีประเภทกีฬากลางแจ้งจัดการแข่งขันได้โดยให้มีผู้ชมไม่เกิน 25% ของความจุสนาม ผู้ชมได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือมีผลตรวจ ATK หรือ RT-PCR เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง ทั้งนี้กรณีมีการแข่งขันให้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพฯ
 
โฆษก ศบค. กล่าวด้วยว่า นายกฯ ดีใจที่ประเทศไทยสามารถฉีดวัคซีนโควิด รายวันได้เกิน 1 ล้านโดส และมั่นใจไทยมีศักยภาพในการฉีดวัคซีนได้บรรลุตามเป้าหมาย และยืนยันว่ารัฐบาลบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 อย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมแผนการช่วงเปลี่ยนผ่านของโควิด-19 จากการระบาดใหญ่ทั่วโลก สู่โรคประจำถิ่น ซึ่งต้องขอให้แต่ละฝ่ายถอดบทเรียนการทำงานในแต่ละช่วงของการแพร่ระบาด เพื่อเป็นแนวทางในการรองรับสถานการณ์ในอนาคตด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง