'น้องไข่เน่า' ให้การภาคเสธ ปมนำเข้าคลิปอนาจาร ผิด พรบ.คอมฯ อ้างเป็นกลุ่มปิด

         พล.ต.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. เผย หลังจากการสอบปากคำน้องไข่เน่าและแฟนหนุ่ม เบื้องต้น น้องไข่เน่า ยอมรับสารภาพ 1 ข้อหา คือ ข้อหา ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าหรือส่งออก ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี รูปภาพ ฯลฯ หรือสิ่งอื่นใดอันลามก โดยมีวัตถุประสงค์แก่การค้าเพื่อแจกจ่าย หรือการแสดงอวดแก่ประชาชน  แต่น้องไข่เน่า ให้การภาคเสธโดยอ้างเหตุผลว่าเว็บไซต์ดังกล่าว เป็นระบบสมาชิกที่ต้องมีการจ่ายเงินเพื่อเข้ารับชม ไม่ใช่เว็บไซต์เปิดทั่วไปที่ใครก็สามารถเข้าถึงได้  ซึ่งในประเด็นนี้ ตำรวจไซเบอร์ ยืนยันว่าแม้ผู้ต้องหาจะปฏิบัติข้อหานี้ ก็ยังถือว่าเข้าข่ายความผิด เพราะจากพยานหลักฐานของตำรวจที่ใช้ในการขอหมายจับ พบว่าบุคคลทั่วไปก็สามารถเข้าถึงได้โดยการใช้เงินในการเข้าถึงซึ่งใครก็สามารถเข้าถึงได้

 

        ส่วนแรงจูงใจ ในการถ่ายคลิปลง เชื่อว่า เป็นเพราะรายได้ที่เข้ามาจำนวนมาก แต่จากการสอบปากคำทั้งคู่สำนึกผิด และพูดทำนองว่าเสียใจ แต่จะกลับไปก็ทำอีกหรือไม่ ก็ต้องรอดู

 

        ส่วนการขยายผลนั้น ต้องยอมรับว่า ในโลกไซเบอร์มีอีกหลายเว็บไซต์ ซึ่งทางตำรวจ สอท.จะต้องค่อยๆขยายและตรวจสอบ สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนทางเทคโนโลยี หรือ สอท.ทำ คือ ก็เพื่อ วัฒนธรรมอันดี ประเพณีสินละทำ ถ้ามิเช่นนั้นแล้วคนในประเทศไทยเค้าจะหลงผิด คิดว่า ทำแบบนี้แล้วถูกต้อง ในส่วนของเว็บไซต์ onlyfan เป็นเพียงเว็บไซต์สื่อกลางที่เปิดให้ผู้ผลิตสื่อนำคลิปของตนเองมาลง จึงไม่ถือว่ามีความผิด ดังนั้นจึงยังไม่มีการประสานให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมปิดการเข้าถึงเว็บไซต์ แต่เป็นผู้ผลิตสื่อเองที่นำไปใช้ในทางที่ผิด ใช้ในการเผยแพร่สื่อลามกอนาจาร ซึ่งทางตำรวจไซเบอร์ก็อยู่ระหว่างเฝ้าระวังติดตามใกล้ชิด หากพบว่ามีคนไทยที่ผลิตสื่อลามกมาเผยแพร่เช่นนี้อีก ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน รวมถึงประสานเว็บไซต์ onlyfan ให้สั่งปิดช่อง ของผู้ผลิตสื่อเป็นรายบุคคล

 

         โดย พล.ต.ท.กรไชย ฝากถึง Account อื่นๆที่กระทำในลักษณะเดียวกับน้องไข่เน่า ว่า เลิกได้ก็ขอให้เลิก อย่าไปส่งเสริม

 

        ทั้งนี้ มีรายงานว่าพนักงานสอบสวนจะไม่ให้ประกันตัว และจะนำตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการ เนื่องจากเล็งเห็นว่าพฤติกรรมของน้องไข่เน่าไม่เหมาะสมต่อเยาวชนอย่างยิ่ง มีการชักชวนเยาวชนให้มาติดตามชมคลิปอนาจารในสื่อโซเชียลมีเดียที่เป็นสาธารณะ เข้าถึงได้ง่าย อีกทั้งยังมีเป้าหมายจะขยายช่องทางในการเผยแพร่ไปลงในเว็บไซต์ยูทูปและทวิตเตอร์ด้วย