ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านหลังหนึ่งในตัวเมืองอำเภอเดชอุดม มีการติดป้ายไวนิลประกาศขาย ตา ไต ไว้บริเวณหน้าบ้าน จึงได้เข้าไปสอบถาม พบนายบัวกัน สุนันทา อายุ 67 ปี เจ้าของบ้านออกมาให้ข้อมูลว่าตนเองเป็นผู้ติดประกาศขายเองเพราะต้องการนำเงินซื้อบ้านคืนจากธนาคาร เพราะครอบครัวต้องนำเงินไปสู้คดีให้ลูกชายที่ตกเป็นแพะในคดีฆ่าคนตายเมื่อปี 2553
นายบัวกัน เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ ปี 2551 ได้มีนายหน้าชักชวนให้นำเอาบ้านไปจดจำนองกับธนาคารแห่งหนึ่ง โดยอ้างว่าตนไม่ต้องทำอะไรแค่ไปเซ็นเอกสารที่สำนักงานที่ดิน ขณะนั้นได้เงินสดมา 400,000 บาท นายหน้าหักไป 100,000 บาท ตนได้รับเงินจริง 300,000 บาท และต้องผ่อนบ้านกับธนาคารเป็นงวดๆ ต่อมาทางธนาคารได้ติดต่อขอให้เปลี่ยนสัญญาใหม่เพราะตนอายุมากแล้วจึงได้เปลี่ยนสัญญาเป็นชื่อของนายชัยยันต์ สุนันทา (ลูกชาย)
แต่โชคร้ายนายชัยยันต์ ถูกตำรวจจับพร้อมกับเพื่อนรวม 5 คนในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น แม้ลูกชายจะปฎิเสธว่า ไม่ได้ฆ่าแต่ก็ต้องไปสู้คดีอยู่ในเรือนจำจนคดีถึงศาลอุทธรณ์ ศาลตัดสินจำคุกทั้ง 5 คน 24 ปี ทั้งหมดได้ยื่นฎีกาสู้คดีต่อ แต่ลูกชายตน ทนายยื่นไม่ทันจึงต้องรับโทษตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา ส่วนคนอื่นศาลฎีกายกฟ้อง เท่ากับลูกชายตกเป็นแพะติดคุกคนเดียว บ้านหลังนี้จึงต้องให้ลูกสะใภ้มารับช่วงผ่อนต่อ
หลังจากนั้นไม่นาน ลูกสะใภ้ ก็กลับไปอยู่บ้านของตัวเอง ไม่สามารถผ่อนต่อได้ จนธนาคารเข้ามายึดฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอน จากนั้นปี 2561 ธนาคารได้เรียกเข้าไปชี้แจงถึงขั้นตอนการดำเนินการ โดยแจ้งให้ทราบว่า บ้านหลังนี้เป็นทรัพย์สินของธนาคารเรียบร้อยแล้ว แต่หากยังต้องการได้บ้านคืน ให้หาพี่น้อง หรือญาติมาขอซื้อคืนได้ที่ราคา 850,000 บาท แต่ครอบครัวก็ไม่มีใครที่จะสามารถไปซื้อคืนได้เพราะไม่มีกำลัง
นายบัวกัน ยังเล่าอีกว่า ตนเองรู้สึกทุกข์ใจมาก ลูกชายต้องติดคุกโดยที่ไม่ได้ทำผิดอะไร แถมบ้านต้องมาถูกยึด ตนกลัวจะไม่มีบ้านให้ลูกหลานอยู่ ปัจจุบันบ้านหลังนี้อยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 คน มีตย ภรรยา และหลาน 2 คน รายได้ก่อนโควิด-19 ก็ได้จากการขายผักตามตลาด นละ 500 บาท พอมาช่วงโควิดก็ไม่สามารถไปขายได้ รายได้ที่มีเข้ามาตอนนี้มีแค่ 600 บาท จากเบี้ยคนชรา และญาติพี่น้อง เพื่อนของลูกชายที่ถูกจับด้วยกันนำมาให้บ้าง ดังนั้นตนจึงตัดสินใจประกาศขาย ตา ไต หรือ อวัยวะส่วนไหนก็ได้ของร่างกายที่ต้องการเพื่อแลกกับเงิน 850,000 บาท นำไปซื้อบ้านคืนจากธนาคาร ทั้งนี้ตนเองไม่ได้โทษธนาคารหรือใครเพราะเค้าทำตามขั้นตอนหน้าที่ของธนาคาร
+ อ่านเพิ่มเติม