‘อัจฉริยะ’ เอาจริง! แจ้งความเอาผิด ‘ลุงพล’ สร้างพญานาครุกป่าสงวน
logo ข่าว..เช้าวันหยุด

‘อัจฉริยะ’ เอาจริง! แจ้งความเอาผิด ‘ลุงพล’ สร้างพญานาครุกป่าสงวน

ข่าว..เช้าวันหยุด : อัจฉริยะแจ้งความ บก.ปทส. เอาผิดลุงพลรุกป่าสงวน สร้างวังพญานาค ซ้ำร้ายไม่มีวิศวกรคุมงาน ด้านตำรวจเผย เป็นพื้นที่ป่าสงวนจริง ห้ ลุงพล,อัจฉริยะเรืองรัตนพงษ์,บกปทส,รุกป่า,บ้านกกกอก,สร้างพญานาค

626 ครั้ง
|
23 ม.ค. 2564

อัจฉริยะแจ้งความ บก.ปทส. เอาผิดลุงพลรุกป่าสงวน สร้างวังพญานาค ซ้ำร้ายไม่มีวิศวกรคุมงาน ด้านตำรวจเผย เป็นพื้นที่ป่าสงวนจริง ห้ามซื้อขายเปลี่ยนมือ เร่งตรวจสอบหากเข้าข่ายความผิดออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา 

 

ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางไปแจ้งความเอาผิดนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล กับพวก ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวน มาตรา 14 จากการครอบครองไม้มะค่าแต้หวงห้าม การก่อสร้างวังพญานาค และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ทำให้ป่าสงวนเสื่อมเสียสภาพ พร้อมนำหลักฐานพิกัดที่ตั้งของสิ่งก่อสร้างซึ่งอยู่ในเขตป่าดงภูพาน จ.มุกดาหาร มาประกอบการแจ้งความ 

 

นายอัจฉริยะ เผยว่า ที่ดินแปลงนี้เป็นป่าสงวนในระเบียบกรมป่าไม้ ระบุไว้ว่าห้ามเปลี่ยนมือ แต่ลุงพลให้สัมภาษณ์สื่อว่าได้ซื้อต่อจากปู่ในราคา 1.5 แสนบาท ซึ่งผิดกฎหมายเนื่องจากที่ดินลักษณะนี้จะมอบให้ลูกหรือทายาทได้เท่านั้น อีกทั้งที่ดินทุกแปลงในหมู่บ้านกกกอกเป็นป่าสงวน ไม่มีเอกสารสิทธิ์แต่อยู่ในระเบียบกรมป่าไม้ที่ให้อยู่อาศัยหรือทำการเกษตรได้ ก่อนปี 2541 แต่ลุงพลเพิ่งเข้าพักอาศัยปี 2557 และก่อสร้างพญานาคปี 2563 ยืนยันไม่ได้แจ้งความมั่วซั่ว เพราะเห็นถึงประโยชน์ของสาธารณะเป็นหลัก 

 

เนื่องจากลุงพลยังอ้างว่ามีต้นตะเคียนไหลมาตามแม่น้ำ ก่อนนำขึ้นมาให้คนกราบไหว้บูชา มีนางรำ ถือเป็นการหลอกลวงประชาชน เพราะตรวจสอบแล้วเป็นไม้มะค่า แต่หลังโดนกรมป่าไม้ยึดไปก็ไม่หยุด ยังอ้างว่าเจ้าแม่ตะเคียนโสรภีได้ย้ายมาอยู่ที่ท่อนไม้อีกท่อนในศาล หลอกประชาชนซ้ำแล้วซ้ำอีก 

 

นอกจากนี้การสร้างพญานาคก็ไม่ได้ขออนุญาตจากกรมป่าไม้ ไม่มีวิศวกรควบคุมงาน หากล้มทับคนตายใครจะรับผิดชอบ ถือเป็นการสร้างความงมงายต่อประชาชน เอาความเชื่อความศรัทธาประชาชนมาแสวงหาผลประโยชน์ 

 

ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หลังจากนี้จะนำเอกสารหลักฐานที่ได้จากนายอัจฉริยะ ไปตรวจสอบ ซึ่งจากข้อมูลที่มีอยู่เเล้วในขณะนี้ มีเเนวโน้มว่าสอดคล้องกับข้อมูลของนายอัจฉริยะ หากเข้าข่ายความผิดจริงก็จะออกหมายเรียกนายไชย์พล เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปทส. คาดว่าใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน 

 

ขณะที่ พันตำรวจเอก ธณัชชนม์ เก่งกสิกิจ ผู้กำกับการ กองกำกับการ3 บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้อธิบายกับสื่อมวลชนว่าพื้นที่ดังกล่าว ไม่ใช่พื้นที่อุทยานเเห่งชาติภูผายล เเต่เป็นเขตป่าสงวนเเห่งชาติ ไม่มีเอกสารสิทธิ์ครอบครอง ให้ประชาชนใช้ประชานใช้ประโยชน์ในการทำกินเท่านั้น ซึ่งหากมีการซื้อขายจะมีความผิด ไม่สามารถกระทำได้

 

 

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/riCahPshsfc

ข่าวที่เกี่ยวข้อง