อัยการสูงสุดตั้งคณะทำงานดำเนินคดีบอสวรยุทธ สั่งพนักงานสอบสวนสอบผู้เชี่ยวชาญเพิ่มประเด็นความเร็วรถเพื่อให้ได้ข้อยุติ พร้อมสั่งดำเนินคดีเสพโคเคนแยกอีกหนึ่งสำนวน ขีดเส้นให้แล้วเสร็จภายใน 20 สิงหาคมนี้ ยืนยัน ไม่มีธงในการทำสำนวน แต่เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยความคืบหน้าการแจ้งให้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา โดยแยกออกเป็น 2 คดี คดีแรกคือการขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและคดียาเสพติด
กรณีเรื่องความเร็วรถของนายวรยุทธ จากการที่คณะทำงานได้ตรวจสอบกรณีความเร็วรถของนายวรยุทธ ปรากฎข้อเท็จจริงว่า มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน ว่าความเร็วที่ปรากฎในสำนวนอาจจะไม่ใช่ความเร็วที่จะทำให้สำนวนยุติได้ คณะทำงานพิจารณาแล้ว
จึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนพยาน เพิ่มเติม คือ อ.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในประเด็นเรื่องเคยร่วมตรวจสอบความเร็วของรถ ณ จุดที่ชนหรือไม่ หากเคย ความเร็ว ณ จุดที่ชนอยู่ที่เท่าไร ,มีวิธีการคำนวนความเร็วรถอย่างไร ,และเคยส่งรายงานให้กับพนักงานสอบสวนหรือไม่ ทั้งนี้หากมีเอกสารการคำนวนให้จัดส่งมาเพื่อประกอบในสำนวนด้วย
นอกจากนี้ คณะทำงาน ยังมีความเห็นให้สอบสวนเพิ่มเติม นายกสภาวิศกร ถึงประเด็นใบประกอบวิชาชีพของ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ที่ขาดการต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกร จะมีผลต่อการออกเอกสารรับรองมากน้อยน้อยเพียงใด และการคำนวนของ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด
ส่วนกรณีพบสารโคเคนในร่างกาย นายวรยุทธ นั้นเห็นว่าในสำนวนมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดี ตาม พรบ.ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ได้ จึงให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายวรยุทธ เป็นคดีใหม่ โดยคำสั่งทั้งหมดคณะทำงานได้สั่งให้ พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จภายใน 20 ส.ค.นี้
ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการประชุมเรื่องการพิจารณาไม่เห็นแย้งสำนวนของอัยการ เบื้องต้นพบว่า การทำงานของพนักงานสอบสวนบกพร่องจริง แต่จะเป็นใคร และจะมีการลงโทษหรือไม่ ต้องรอสรุปสำนวนให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาในวันที่ 13 สิงหาคมนี้
+ อ่านเพิ่มเติม