ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ รถไฟฟ้าบีทีเอส เผยมีการหารือกับ สธ. หาแนวทางช่วยลดการแพร่ระบาดโควิด-19 หนึ่งในไอเดีย คือ เปิดกระจกรถไฟฟ้า ล่าสุดล้มเลิกแล้ว เหตุร้อน ย่างเข้าฤดูฝน...
จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้หารือร่วมกับรถไฟฟ้าบีทีเอส เกี่ยวกับการทดลองวิ่งรถไฟฟ้าบีทีเอสด้วยการเปิดกระจก เพื่อให้อากาศสามารถถ่ายเทได้โดยสะดวก และเพื่อลดการแพร่เชื้อโควิด-19 ในระบบปรับอากาศ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
ล่าสุด นายสุมิตร ศรีสันติธรรม ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ รถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 3 ออนไลน์ว่า เรื่องนี้มาจากทางรถไฟฟ้าบีทีเอส มีโอกาสได้เข้าไปหารือกับ นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ถึงแนวทางป้องกัน และลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้กับผู้โดยสาร ซึ่งมีการหารือถึงแนวทางๆ ต่าง ไม่ว่าจะเป็น การคัดกรองด้วยการวัดอุณหภูมิ, การทำความสะอาดบ่อยครั้ง, การใส่หน้ากากอนามัย และการเปิดหน้าต่างรถไฟฟ้า ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่อยู่ในการหารือครั้งนี้
“ทางบีทีเอส ได้ถ่ายทอดให้ทาง นพ.ธนรักษ์ ฟังว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา เราได้ทดลองเปิดหน้าต่างรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยเราทำทั้งหมด 2 ครั้ง ครั้งแรกเรานำรถเปล่าขึ้นวิ่ง แบบไม่มีผู้โดยสาร พร้อมกับเปิดกระจก เพื่อตรวจสอบก่อนว่าอุณหภูมิเป็นเช่นไร อากาศหมุนเวียนเป็นอย่างดีหรือไม่”
“จากนั้น ครั้งที่สอง เราได้ทำการเปิดกระจกบนรถไฟฟ้าบีทีเอสที่มีผู้โดยสาร เราเปิดกระจกทั้งหมด 12 บาน(1 ตู้โดยสารจะมีหน้าต่างบานเล็กๆ ทั้งหมด 12 บาน) แต่ในครั้งนี้เราเปิดเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น และเปิดเพียงตู้เดียวของขบวน ซึ่งเราได้ทำการตรวจสอบว่า ผู้โดยสารรู้สึกอย่างไร, น้ำแอร์จะหยดไหม, ร้อนหรือไม่ และจากการทดลอง ได้คำตอบว่า แม้ว่าแอร์จะยังเปิดอยู่ มีลมเข้ามา แต่อากาศภายในตู้ร้อนขึ้น และที่สำคัญ ผู้โดยสารรู้สึกร้อน”
“เมื่อเราพบว่า การเปิดกระจกทำให้อากาศถ่ายเท แต่สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ อากาศภายในตู้โดยสารร้อนขึ้น ดังนั้น เราจึงล้มเลิกแนวคิดนี้ไป เพราะตามปกติ อากาศก็หมุนเวียนถ่ายเทจากการเปิดประตูรับผู้โดยสารแต่ละสถานีอยู่แล้ว ประกอบกับกำลังเข้าสู่ฤดูฝน ทางรถไฟฟ้าบีทีเอส จึงไม่มีความจำเป็นที่จะเปิดหน้าต่างระหว่างให้บริการ” นายสุมิตร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมเป็นต้นมา ทางบีทีเอสได้ดำเนินมาตรการวิ่งรถด้วยความถี่สูงสุด และไม่เคยลดความถี่ลง เพื่อสามารถดำเนินการเว้นระยะห่างของผู้โดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เราได้ดำเนินมาตรการวิ่งรถด้วยความถี่สูงสุด และไม่เคยลดความถี่ลง เพื่อสามารถดำเนินการเว้นระยะห่างทางสังคมของผู้โดยสารได้ โดยตอนนี้รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสุขุมวิท จากเดิมวิ่งห่างกันโดยใช้เวลาประมาณ 2.40 นาที ตอนนี้เหลือเพียง 2.30 นาทีเท่านั้น ซึ่งถือว่าถี่มาก และทำให้ขนส่งผู้โดยสารได้จำนวนน้อยลง จากเดิมที่ตู้โดยสารหนึ่งตู้สามารถขนผู้โดยสารได้ 300 คน ตอนนี้เหลือแค่ตู้ละ 60 กว่าคนเท่านั้น” นายสุมิตร ทิ้งท้าย.
+ อ่านเพิ่มเติม