สรุปปมซ่อนเงื่อน “พี่เตี้ย มช.” หายปริศนา สภาพศพพิศวง ลักพาตัว วงจรปิดฟ้อง ส่อเค้าอุ้มฆ่า!

จากกรณีเหตุสลดพี่เตี้ย สุนัขแสนรู้ขวัญใจชาวมหาวิทยาลัยเชียงใหม่หายตัวลึกลับ ก่อนจะพบเป็นศพปริศนา ภาพวงจรปิดฟ้องมีคนพาออกไป ทีมข่าวช่อง 3 ออนไลน์สรุปม้วนเดียวจบภายในหน้าเดียว โดยมีรายละเอียดดังนี้…

- 5 พ.ค. 63 เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘เตี้ย มช.’ ประกาศตามหาพี่เตี้ย สุนัขชื่อดังขวัญใจมหาชน ได้หายตัวไปครบ 24 ชั่วโมง จนต้องมีการแจ้งความลงบันทึกประจำวัน และตั้งเงินรางวัล 10,000 บาทให้แก่ผู้ที่พบพี่เตี้ย ซึ่งเหตุนี้ทำเอาแฟนคลับแห่แชร์โพสต์ตามหาด้วยความเป็นห่วง

- แอดมินและแฟนคลับพยายามตามหาพี่เตี้ยทุกวิถีทาง ทั้งขอดูภาพกล้องวงจรปิดตามที่ต่างๆ และประสานตามโรงพยาบาลสัตว์ใกล้เคียง แต่ก็ยังไม่พบ จึงเกิดการวิเคราะห์เชื่อมโยงไปว่า อาจมีคนไม่ชอบพี่เตี้ย และลักพาตัวไป!

- 7 พ.ค. 63 เพจเตี้ย มช. ประกาศข่าวสะเทือนใจว่า พี่เตี้ยเดินทางไปดาวหมาแล้ว โดยได้รับแจ้งว่าพบร่างสุนัขคล้ายพี่เตี้ยที่ป่าข้างทาง เมื่อตรวจสอบก็ได้ผลยืนยันจากไมโครชิปว่าเป็นพี่เตี้ย โดยได้ส่งร่างให้คณะสัตวแพทย์ชันสูตรหาสาเหตุการตาย

- พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 3 ออนไลน์ว่า สภาพศพของพี่เตี้ยนั้น ค่อนข้างเน่า และมีกลิ่นเหม็นพอสมควร หากพบว่ามีผู้ทำให้ตายจะมีความผิดฐานทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

- ต่อมาผลชันสูตรปรากฎว่า พี่เตี้ยเสียชีวิตจากการถูกกระแทกอย่างรุนแรงบริเวณขาหลังและช่วงล่างของลำตัว กระโหลกท้ายทอยแตก ทั้งยังพบการฉีกขาดของกระเพาะปัสสาวะ เบื้องต้นคาดว่าเป็นอุบัติเหตุรถขนาดใหญ่พุ่งชน

- ผู้เกี่ยวข้องจัดพิธีศพให้พี่เตี้ย โดยนำโครงกระดูกของพี่เตี้ยไปประกอบร่างไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อเป็นการรำลึกถึงความดีที่พี่เตี้ยทำเพื่อสุนัขในมหาวิทยาลัย และสุนัขจรจัดต่างๆ

- รวมถึงจะมีการทำรูปปั้น 'เตี้ย มช.' เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของ 'สุนัขชุมชน' ไว้ที่ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่...เรื่องดูเหมือนจะจบลงด้วยอุบัติเหตุธรรมดา แต่…

- 17 พ.ค. 63 เพจเตี้ย มช. โพสต์คลิปกล้องวงจรปิด มีคนขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด และเรียกพี่เตี้ยขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไป และยังไม่สามารถระบุตัวตนของคนขับรถผู้นั้นได้

- ต่อมาเพจเตี้ย มช. ได้มอบอำนาจให้ WDT (มูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์) เข้ามาเป็นผู้ประสานคดี ไม่นานก็พบผู้ต้องสงสัยในคลิป ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจยศ ส.ต.ท. สังกัด ตชด.33 โดยผู้ต้องสังสัยอ้างว่า สงสารที่พี่เตี้ยไม่ได้ออกไปไหน จึงคิดจะพาไปเที่ยว

- ในที่สุด ส.ต.ท. จำนนต่อหลักฐาน และกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อหน้าที่ราชการของตัวเอง ส.ต.ท.จึงติดต่อเข้ารับสารภาพว่าเป็นผู้นำพี่เตี้ยออกไปจริง และยืนยันว่าไม่มีเจตนาร้าย

- ส.ต.ท. อ้างว่าพี่เตี้ยกระโดดลงจากรถขณะขับขี่ ทำให้ล้อหลังทับตายทันที จึงนำไปโยนทิ้งพร้อมโกยใบไม้กลบเพื่อหลบหนีความผิด วอนขอความเห็นใจขอให้เรื่องจบแค่นี้ พร้อมขอโทษประชาชน แต่ WDT ไม่เชื่อ ยังคงลุยหาความจริงต่อ

- ไม่นาน WDT ก็ฟันธงว่าเป็นแผนอุ้มฆ่าพี่เตี้ย โดยมีมากกว่าหนึ่งคนและทำเป็นขบวนการ มีการนัดแนะวางแผนล่วงหน้า ซึ่งสงสัยขบวนการคนเกลียดพี่เตี้ย เป็นไปได้ทั้งร่วมกันกระทำเองและการว่าจ้าง โดยได้แจ้งความข้อหาทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควรกับ ส.ต.ท.

- นางสาวณภัทร นิธิวรภาส เจ้าหน้าที่อาสา มูลนิธิวอชด็อกฯ ได้เปิดเผยว่า คำให้การของผู้ต้องสงสัยขัดกันหมด อาทิ เตี้ยกระโดดลงจากรถแล้วล้อหลังทับตายทันที ซึ่งตามปกติไม่มีมอเตอร์ไซด์ที่ไหนทับหมาแล้วตายทันที

- เหตุที่ ส.ต.ท. อ้างว่าพาพี่เตี้ยออกไปเที่ยว แต่เจ้าตัวเผลอพูดว่า รู้ดีว่าพี่เตี้ยอยู่ในระหว่างเวลาปรับพฤติกรรม(สอนให้พี่เตี้ยมี) โดยผู้ดูแลพี่เตี้ย ขอร้องทุกท่านให้ความร่วมมือโปรดอย่ารับพี่เตี้ยขึ้นรถ แต่ ส.ต.ท. ก็ยังพาพี่เตี้ยออกไปตอน 20.30 น. ซึ่งอีกไม่นานก็จะเคอร์ฟิว

- WDT ยังจับสังเกตอีกว่า เมื่อดูกล้องวงจรปิดอีกครั้งเวลา 20.36 น. พบ ส.ต.ท. พาพี่เตี้ยเลี้ยวเข้าไปในซอยเปลี่ยว

- ต่อมา มีชาวบ้านให้ข้อมูลว่า เวลา 20.50 น. มีเสียงปืนดัง 4 นัด ซึ่งตรงกับผลชันสูตรที่ว่า บริเวณต้นคอของพี่เตี้ยมีแผลหลุมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5 ซม. ลึกประมาณ 1 เซนติเมตร จำนวน 4 แผล

- นอกจากนี้ ยังมีคนให้เบาะแสอีกว่า คนที่รับพี่เตี้ยขึ้นรถแต่งตัวแบบหนึ่ง แต่พอขี่รถไปถึงประตูทางออก กลับแต่งตัวอีกแบบหนึ่ง แสดงว่าต้องมีมากกว่า 1 คน และทำเป็นขบวนการ

- ล่าสุด ผู้ถูกกล่าวหายืนกรานปฎิเสธ โดยผู้บังคับบัญชาจากกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 (ตชด.33) ต้นสังกัดของ ส.ต.ท. ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว โดย WDT ร้องขอให้ประชาชนที่สนิทสนมกับพี่เตี้ยเข้าปากคำและเป็นพยานแวดล้อม รวบรวมหลักฐาน รวมถึงทำจำลองเหตุการณ์เพื่อเอาผิดในคดีอาญาต่อไป.