'ThaiarmedForce’ แนะวิธีเอาตัวรอดจากเหตุการณ์กราดยิง!
logo ข่าววันใหม่

'ThaiarmedForce’ แนะวิธีเอาตัวรอดจากเหตุการณ์กราดยิง!

ข่าววันใหม่ : จากกรณีทหารคลั่ง ใช้อาวุธปืนกราดยิงจนมีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 14 ราย และบาดเจ็บหลายราย ก่อนที่จะขับรถฮัมวี่ ออกมายังใจกลางเมืองนครรา ThaiarmedF0rce,วิธีเอาตัวรอด,กราดยิงโคราช,ทหารคลั่งยิงประชาชน,โคราช,เทอมินอล21

1,376 ครั้ง
|
09 ก.พ. 2563

จากกรณีทหารคลั่ง ใช้อาวุธปืนกราดยิงจนมีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 14 ราย และบาดเจ็บหลายราย ก่อนที่จะขับรถฮัมวี่ ออกมายังใจกลางเมืองนครราชสีมา จนมาถึงห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 แล้วใช้อาวุธปืนกราดยิงประชาชนบริเวณดังกล่าวจนได้รับเจ็บอีกหลายราย

เพจเฟซบุ๊ค ThaiarmedF0rce ได้มีการโพสต์ข้อความถึงวิธีการเอาตัวรอดจากเหตุการณ์กราดยิง โดยระบุว่า

การ #กราดยิง ของ #ActiveShooter ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของพวกเราอีกต่อไป มันเกิดขึ้นจริง และเกิดขึ้นแล้วในประเทศไทยครับ

เมื่อพบกับสถานการณ์ Active Shooter นั้น กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐได้ออกคำแนะนำมาให้ประชาชนรับมือว่าจะทำตัวอย่างไรถึงจะรอดไปได้ TAF ขอแปลด่วน ๆ มาให้อ่าน ทุกท่านสามารถนำไปเป็นข้อมูลในการปฏิบัติตัวได้ครับ

 

ก่อนเกิดเหตุ

เข้ารับการฝึกการเอาตัวรอดจากผู้กราดยิง (อันนี้ประเทศไทยยังไม่มี สงสัยต่อไปนี้ต้องมีแล้วครับ)
ถ้าคุณเห็นอะไรหรือสงสัยอะไร ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

ลงทะเบียนเพื่อรับการแจ้งเตือนฉุกเฉินในท้องที่และลงทะเบียนข้อมูลติดต่อของคุณกับระบบแจ้งเตือน (อันนี้ประเทศไทยก็ยังไม่มี สงสัยต่อไปนี้ต้องมีแล้วครับ)

พยายามระแวดระวังรอบ ๆ ตัวและระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น

วางแผน

วางแผนกับครอบครัวและทำให้แน่ใจว่าคนในครอบครัวทุกคนจะรู้ว่าตัวเองจะต้องทำยังไงถ้าพบกับผู้กราดยิง

พยายามมองหาทางออกที่ใกล้ที่สุดสองทางออกในทุก ๆ ที่ที่คุณไป วางแผนหนีไว้ในใจและมองหาสถานที่ที่คุณอาจจะซ่อนตัวได้ในทุกที่ที่คุณไป

ทำความเข้าใจแผนสำหรับคนพิการหรือผู้ที่ต้องการการช่วยเหลือพิเศษ

 

ระหว่างเกิดเหตุ

วิ่งหนีถ้าเป็นไปได้

การหนีจากผู้ก่อเหตุกราดยิง ( Active Shooter) คือความเร่งด่วนสูงสุด ทิ้งสัมภาระส่วนตัวและหนีอย่างเดียว

ช่วยผู้อื่นหนีด้วยถ้าเป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ตามควรหนีไม่ว่าผู้อื่นจะยอมหนีตามไปด้วยหรือไม่

แจ้งเตือนและป้องกันไม่ให้ใครก็ตามที่จะเข้าไปในพื้นที่ที่เกิดเหตุกราดยิง

โทรแจ้งเหตุเมื่อคุณปลอดภัย และอธิบายรูปลักษณธ สถานที่ และอาวุธที่มีผู้ใช้กราดยิง

ซ่อน ถ้าหนีไม่ได้

หลบจากสายตาของผู้กราดยิง และอยู่ให้เงียบที่สุด

ปิดเสียงเครื่องมือสื่อสารทั้งหมด รวมถึงปิดการสั่น

ล็อคและกั้นประตู ปิดม่านบังสายตา และปิดไฟ

อย่าซ่อนกันเป็นกลุ่ม ๆ ให้กระจายกันไปตามกำแพงหรือซ่อนเดี่ยว ๆ เพื่อให้ผู้กราดยิงก่อเหตุยากขึ้น

พยายามสื่อสารกับตำรวจอย่างเงียบ ๆ ใช้ SMS หรือโพสโซเชียลหรือทำสัญลักษณ์บนหน้าต่าง

ซ่อนเงียบ ๆ จนกว่าตำรวจจะให้สัญญาณว่าปลอดภัย

สถานที่ซ่อนของคุณควรจะอยู่นอกสายตาผู้กราดยิงและมีอะไรป้องกันถ้าผู้กราดยิงยิงมาทางคุณ

สู้ ถ้าเป็นทางเลือกสุดท้ายจริง ๆ

พยายามทำให้จริงจังและรุนแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ชักชวนคนอื่อให้มาช่วยกันซุ่มโจมตีด้วยอาวุธทุกอย่างที่มีเช่นเก้าอี้ ถังดับเพลิง กรรไกร หนังสือ ฯลฯ

พยายามสร้างอาการบาดเจ็บต่อตัวผู้กราดยิงให้มากที่สุด

ขว้างสิ่งของและอาวุธที่ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อทำให้ผู้กราดยิงสับสนและพยายามแย่งอาวุธจากผู้กราดยิง

 

หลังเหตุการณ์

ชูมือเปล่าให้ตำรวจเห็นชัด ๆ

ต้องเข้าใจว่าหน้าที่แรกของตำรวจคือการระงับเหตุ และตำรวจอาจเดินผ่านผู้บาดเจ็บไปโดยไม่ได้ช่วยเหลือ

ตำรวจอาจมาพร้อมอาวุธปืนไรเฟิล ปืนลูกซอง หรือปืนพก และอาจใช้สเปรย์พริกไทยหรือแก๊สน้ำตาเพื่อควบคุมสถานการณ์

ตำรวจอาจตะโกนสั่งและอาจผลักคนที่ยืนอยู่ให้นอนลงกับพื้น ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของทุกคน

ให้ปฏิบัติตามคำสั่งของตำรวจอย่างเคร่งครัดและอพยพไปทางทิศทางที่ตำรวจเดินผ่านมา ยกเว้นตำรวจจะสั่งให้ทำอย่างอื่น

ให้ใส่ใจกับตัวเองก่อน และหลังจากนั้นคุณอาจจะช่วยเหลือผู้บาดเจ็บก่อนที่หน่วยกู้ภัยจะมาถึง

ถ้าผู้บาดเจ็บอยู่ในภาวะอันตราย ให้ช่วยผู้บาดเจ็บออกมายังที่ปลอดภัย

ระหว่างที่คุณรอหน่วยกู้ภัยมาถึง ให้ช่วยปฐมพยาบาล พยายามกดแผลแรง ๆ และใช้สายรัดห้ามเลือดถ้าคุณได้รับการฝึกมา

พยายามให้ผู้บาดเจ็บนอนหงายถ้าเขาหมดสติ พยายามให้ความอบอุ่นต่อร่างกาย

พิจารณาหาผู้เชี่ยวชาญในการช่วยให้ตัวคุณและครอบครัวผ่านช่วงเวลาร้ายแรงนี้ไปได้ โดยอาจปรึกษาจิตแพทย์หลังจากนี้

 

ข้อสรุป

หนี อย่าโชว์หล่อ ใส่ตีนหมาหนี เอาตัวเองให้รอด ชวนคนอื่นหนี ถ้ามันไม่หนีเราหนีเลย ถ้าหนีไม่ได้ซ่อนให้เงียบที่สุด ล็อคประตู กระจายกันซ่อน ปิดเสียงโทรศัพท์ โพสโซเชียลว่าตัวเองอยู่ไหน เจอตำรวจยกมือสวย ๆ ตำรวจสั่งอะไรก็ทำ ถ้ามีผู้บาดเจ็บค่อยช่วย

 

 

ชมผ่านยูทูปที่นี่ : https://youtu.be/GEiF-iLPLxs

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง