สหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์สั่งรื้อขั้นตอนกระบวนการปล่อยเงินกู้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัดทั้งระบบภายใน 30 วัน หลังตรวจสอบพบข้อบกพร่องละเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบและขัดกับข้อบังคับ ปล่อยอนุมัติเงินกู้เกินความเป็นจริงโดยไม่ผ่านการตรวจสอบของคณะกรรมการ ระบุหากไม่ปฏิบัติตาม เตรียมส่งเรื่องให้นายทะเบียนสั่งให้คณะกรรมการยุติการทำหน้าที่ทันที
ความคืบหน้ากรณีนางเยาวลักษณ์ ภูชุม อายุ 34 ปี ครูวิทยฐานะชำนาญการ โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางไสว บรรลือเสียง อายุ 60 ปี มารดา เข้าร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจากได้ขอกู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด แต่ถูกนายหน้าที่เป็นข้าราชการครูหญิงเรียกเก็บค่าดำเนินการ 13 เปอร์เซ็นต์ และปลอมเอกสารเบิกเงินไปจำนวน 1,580,300 บาท โดยมีชื่อรองปลัดเทศบาลตำบลแห่งหนึ่งเป็นผู้เบิกเงิน กระทั่งนายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้นพบว่าสหกรณ์ฯบกพร่องไม่ปฏิบัติตามระเบียบตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น.
ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2562 นายรณชัย ภูครองทอง สหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะรองนายทะเบียนสหกรณ์ กล่าวว่า หลังจากทางผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งทางสำนักงานสหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ได้ส่งคณะผู้ตรวจการสหกรณ์ประจำ จ.กาฬสินธุ์ลงพื้นที่ตรวจแล้วเบื้องต้น พบว่า การดำเนินการของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัดที่ผ่านมานั้น มีความละหลวม และมีข้อบกพร่องไม่ปฏิบัติตามระเบียบและขัดกับข้อบังของสหกรณ์หลายอย่าง โดยเฉพาะขั้นตอนการปล่อยอนุมัติเงินกู้ตั้งแต่การรับเรื่องคำข้อกู้ไปจนถึงขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติ และการเบิกเงิน ซึ่งไม่มีการตรวจสอบประวัติ และเช็คกำลังการผ่อนชำระหนี้ เช่น กรณีของนางเยาวลักษณ์ ซึ่งตามระเบียบว่าด้วยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินกู้ พ.ศ.2552 กำหนดสมาชิกที่ขอกู้เงินสามัญต้องเป็นสมาชิกติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน และต้องมีหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 22 ของวงเงินกู้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่านางเยาวลักษณ์ มีหุ้นเพียง 38,750 บาท แต่สามารถกู้เงินได้มากถึง 2,000,000 บาท จึงไม่เป็นไปตามระเบียบ เนื่องจากหากกู้เงิน 2,000,000 บาทนั้นจะต้องมีหุ้นไม่น้อยกว่า 440,000 บาท
นายรณชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในเรื่องของการค้ำประกันเงินกู้ โดยในระเบียบสหกรณ์ฯกำหนดไว้ คณะกรรมการเห็นสมควรต้องมีผู้ค้ำประกันอย่างน้อย 5 ราย ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย แต่การปฏิบัติสหกรณ์ออมทรัพย์ครูได้กำหนดให้สมาชิกที่มีอายุเป็นสมาชิกตั้งแต่ 18-35 เดือน วงเงินกู้ไม่เกิน 2,000,000 บาท ใช้บุคคลค้ำประกันเพียง 3 คนเท่านั้น ซึ่งขัดกับระเบียบที่สหกรณ์ถือใช้ นอกจากนี้ยังพบว่าการอนุมัติเงินกู้ที่ผ่านมาหลายรายไม่ผ่านมติที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาเงินกู้ แต่เป็นการใช้วิธีการให้กรรมการที่ปฏิบัติงานเวรประจำวันเป็นผู้อนุมัติเงินกู้แทน ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อบังคับของสหกรณ์ อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบยังพบอีกว่าทาสหกรณ์ฯไม่ได้จัดทำทะเบียนคุมการจ่ายสมุดบัญชีคู่ฝากให้กับสมาชิก ทำให้เจ้าของบัญชีไม่ได้รับสมุดบัญชีคู่ฝาก สุ่มเสี่ยงที่บุคคลอื่นนำไปใช้ในการฉ้อโกงและแสวงหาผลกระโยชน์
นายรณชัย กล่าวอีกว่า ดังนั้นสำนักงานสหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะเป็นหน่วยงานที่ควบคุมดูแลและในฐานะรองนายทะเบียนจึงได้ทำหนังสื่อออกคำสั่งตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2562 ให้คณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด เร่งดำเนินการแก้ไข้บกพร่องต่างๆ เริ่มตั้งแต่ให้พิจารณาทบทวนระเบียบว่าด้วยการปล่อยเงินกู้ใหม่ทั้งหมด กำหนดวิธีการคำนวณวงเงินในการกู้ให้ชัดเจนสอดคล้องกับรายได้ของสมาชิกที่แท้จริง เช่น การกู้เงินได้ 65 เท่าของเงินเดือนคงเหลือคูณด้วยระยะเวลาการส่งชำระหนี้ และต้องมีเงินคงเหลือจากการหักชำระหนี้ของสหกรณ์ไม่น้อยกว่าร้อยละเท่าไหร่ก็พิจารณาไปตามเงินเดือนแต่ละคน เพื่อให้สมาชิกไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หลังจากนั้นต้องกำหนดวิธีการและประกาศหลักเกณฑ์การกู้เงิน ซึ่งจะต้องปฏิบัติไม่ขัดกับระเบียบที่สหกรณ์ถือใช้ เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ส่วนการอนุมัติเงินกู้จะต้องกำหนดขอบเขต อำนาจหน้าที่ชัดเจนของเจ้าหน้าที่แต่ละคน และที่สำคัญการอนุมัติเงินกู้จะต้องนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการเงินกู้ เพื่อพิจารณาอนุมัติ ตรวจสอบประวัติที่ไม่ที่มา เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับและระเบียบของสหกรณ์ที่กำหนดไว้
นอกจากนี้ทางสหกรณ์จะต้องจัดทำทะเบียนคุมการจ่ายสมุดบัญชีคู่ฝากของสมาชิก เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งระเบียบและข้อบังคับทั้งหมดจะต้องถือและปฏิบัติเป็นกฎเหล็ก ซึ่งทางสำนักงานสหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ได้ออกหนังสือคำสั่งให้แก้ไขภายใน 30 วัน ซึ่งหากภายในระยะเวลาที่กำหนดยังไม่ดำเนินการแก้ไข ขั้นตอนต่อไปก็จะดำเนินการออกคำสั่งให้คณะกรรมการของสหกรณ์หยุดการปฏิบัติหน้าที่ และเสนอนายทะเบียนให้ปลดออกจากตำแหน่งต่อไป เพราะหากทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ ซึ่งถือเป็นสหกรณ์ขนาดใหญ่ มีมวลสมาชิกกว่า 70,000 ราย ยังมีข้อบกพร่องละเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับอย่างนี้ต่อไปจะเสี่ยงต่อการเสียหายในอนาคตได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางสหกรณ์จังหวัดยังได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกในเรื่องของรายรับและรายจ่าย รวมถึงขั้นตอนต่างๆอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถทราบรายละเอียดในเร็วๆนี้
+ อ่านเพิ่มเติม