‘ป้าทุบรถ’ เผย พอใจคำตัดสิน หลังศาลสั่งจำคุกสาวจอดรถขวางหน้าบ้าน 15 วัน
logo ข่าวอัพเดท

‘ป้าทุบรถ’ เผย พอใจคำตัดสิน หลังศาลสั่งจำคุกสาวจอดรถขวางหน้าบ้าน 15 วัน

ข่าวอัพเดท : วันที่ 27 พ.ย. 61 เมื่้อเวลา 13.00 น. น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ และ น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ สองป้าทุบรถ ได้ออกมาเผยความรู้สึก หลังศา ป้าทุบรถ,เปิดใจป้าทุบรถ,จำคุกสาวจอดรถขวาง

3,200 ครั้ง
|
27 พ.ย. 2561
วันที่ 27 พ.ย. 61 เมื่้อเวลา 13.00 น. น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ และ น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ สองป้าทุบรถ ได้ออกมาเผยความรู้สึก หลังศาลจังหวัดพระโขนงพิพากษาจำคุก น.ส.รชนีกร เลิศวาสนา คู่กรณี เป็นเวลา 15 วัน และปรับอีก 5,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี 
 
โดยตนรู้สึกพอใจกับผลการตัดสินของศาล และเชื่อว่าถือเป็นความเหมาะสมแล้ว ตอนนี้รู้สึกโล่งใจขึ้นว่าประชาชนจะได้รับการคุ้มครองเรื่องของสิทธิจริงๆ ซึ่งคดีนี้เป็นคดีตัวอย่างให้ประชาชนอีกหลายคนรับทราบเรื่องของการละเมิดสิทธิคนอื่นคนอื่นได้เป็นอย่างดี 
 
ขณะที่ น.ส.บุญศรี ระบุอีกว่า ปัจจุบันตลาดรอบข้างบ้านได้ปิดไปแล้ว และสภาพแวดล้อมโดยรอบบ้านเริ่มกลับคืนสู่สภาพปกติที่ดีที่เคยมีแล้ว ส่วนตนก็ได้พักผ่อนแบบเต็มอิ่มมากขึ้น เพราะความสงบกลับคืนมา แต่ก็ยังไม่สบายใจกับตลาดตรงข้ามหน้าบ้านที่ยังมีการเปิดขายของอยู่ แต่เพิ่งจะปิดไปได้เมื่อ 2-3 วันที่แล้ว พร้อมติดป้ายประกาศว่าจะมีการปรับปรุงพื้นที่ชั่วคราว และจะกลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง 
 
ซึ่งถือว่าเป็นการยั่วยุไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ทั้งๆ ที่พื้นที่ดังกล่าวศาลมีคำพิพาทและอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล จึงรู้สึกว่านี่คือการไม่เคารพกฎกติกา ซึ่งตนได้แจ้งให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐทราบถึงปัญหาดังกล่าวแล้ว 
 
สำหรับในวันที่ 4 ธ.ค. 61 ศาลได้นัดไปฟังคำพิพากษา กรณีนายทุนผู้ประกอบการร้องขอให้กรุงเทพมหานครแก้กฎหมาย อาทิ ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร 2532 ซึ่งมีผลต่อพื้นที่อนุรักษ์และรอบสวนหลวงร.9 ด้วย เนื่องจากนายทุนมีความประสงค์จะปรับและสร้างอาคารตึกสูงแบบไม่มีกำหนดในพื้นที่ดังกล่าว สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก
 
ส่วนประเด็นที่พนักงานอัยการศาลจังหวัดพระโขนง ยื่นฟ้องในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ กรณีใช้ขวานและเหล็กยาวทุบทำลายรถยนต์ของ น.ส.รชนิกรนั้น ทางทนายเป็นผู้ดูแลคดีนี้อยู่ และศาลจะนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกในวันที่ 7 มีนาคม 2562 ซึ่งตนก็ยอมรับว่ามีความกังวลอยู่บ้าง แต่จะขอต่อสู้ต่อไปให้ถึงที่สุด
 
ขอบคุณภาพ เฟซบุ๊ก อนันต์ชัย ไชยเดช
 
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง