“คุณยายเกียร์ R” ถอยรถติดสปีด ชนหญิงเจ็บหนัก “ไม่ขอโทษสักคำ” อ้างขวางทางเข้าบ้าน !

สาวร้อง แม่โดนยายวัย 77 ปี ถอยรถชน อ้าง เลี้ยวเข้าบ้านไม่พ้น เพราะจอดขวางประตู สุดงง เพราะวงจรปิดเผยภาพให้พิรุธ งานนี้ เจตนาหรือไม่เจตนา ห้ามพลาด !?

 

 

              วันที่ 29 เม.ย. 2567 ธนิตา คุณวัฒน์ (ฮาย) ลูกสาวของผู้บาดเจ็บ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35  ดำเนินนรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า แม่ของตนถูกสาวรุ่นยาย อายุ 77 ปี  ถอยรถมาชน อ้างว่าพยายามเลี้ยวเข้าบ้าน แต่เลี้ยวไม่พ้น จึงถอยหลังมาตั้งหลักใหม่ แต่ถอยค่อนข้างแรง เลยตีวงกลับมาชนแม่ตนที่กำลังจะขึ้นรถ ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุแล้ว เขาก็เลี้ยวกลับเข้าบ้านไปตามปกติ และไม่ได้ลงมาขอโทษแต่อย่างใด แต่กลับบอกว่าประมาทร่วม เพราะแม่ของตนจอดรถขวางหน้าบ้านเขา อีกทั้งยังไม่ยอมพูดรับผิด บอกแต่ให้รอประกันมาจัดการ 

 

              ทั้งนี้ ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ หลังจากเกิดเหตุตนก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะไม่แน่ใจว่าแม่ไปจอดรถขวางเขาจริงหรือเปล่า แต่พอได้เห็นภาพวงจรปิด ก็พบว่าแม่ตนไม่ได้ไปจอดขวางประตูหน้าบ้านเขาเลย ซึ่งตนมองว่าเขาสามารถเลี้ยวเข้าบ้านได้ โดยที่ไม่ต้องถอยรถด้วยซ้ำ แต่ตนก็ไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเขาถึงถอยรถแบบนั้น ตนตั้งข้อสังเหตุว่าเขาอาจจะโมโหหรือเปล่าที่ชอบมีคนแปลกหน้ามาจอดรถซื้ออาหารร้านที่อยู่ตรงบ้านเขา เพราะเขาโวยวายเรื่องร้านอาหาร นอกจากนั้น หากเขาจะอ้างว่าไม่อยากลงไปตามคนที่จอดรถหน้าบ้านเขา ในวันที่เกิดเหตุ แม่ตนลงไปซื้ออาหารจริง แต่ในรถมีน้องชายนั่่งอยู่ เขาสามารถเดินมาบอกให้น้องชายขยับรถได้ 

 

              อย่างไรก็ตาม คุณยาย ยังพูดอีกด้วยว่า รู้ไหมว่าคดีป้าทุบรถศาลพิพากษาแล้วว่าป้าทุบรถไม่ผิด ซึ่งตนมองว่าบริบทของป้าทุบรถ กับกรณีของแม่ตนมันไม่เหมือนกันเลย ขณะเดียวกัน ตนได้คุยกับร้อยเวร เขาก็บอกว่าแบบนี้ไม่ประมาทร่วมแน่นอน ทั้งนี้ตนก็ยังกังวลอยู่ว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะยังชี้ไม่ได้ว่าคู่กรณีเจตนาหรือไม่ 

 

 

              ด้าน สมคิด ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า อาการตอนนี้ยังคงเจ็บระบมอยู่ หนักช่วงสะโพกลงไป และขาทั้ง 2 ข้างไม่สามารถลงน้ำหนักได้มากนัก แต่สามารถเดินได้แม้จะไม่นานก็ตาม ทั้งนี้ช่วงที่เกิดเหตุตนเพิ่งซื้อของร้านอาหารฝั่งตรงข้ามบ้านที่เกิดเหตุ เสร็จกลับมาก็เห็นผู้ก่อเหตุเขากำลังจะเข้าบ้าน แต่อยู่ดี ๆ เขาก็ถอยรถมาอย่างแรงมาชนตนตัวโดนหนีบอยู่ระหว่างกลาง อย่างไรก็ตาม ตนเคยไปซื้ออาหารที่ร้านนี้มาก่อน แต่ไม่บ่อย ซึ่งเวลาไปจอดที่หน้าบ้านหลังนี้ก็จะจอดแอบ ๆ ไม่ได้ไปขวางหน้าบ้านเขาเลย 

 

 

              ฟาก ดลชนก บุญโยทยาน (ต้อย) รองประธานมูลนิธิวินวิน กล่าวว่า เคสนี้ ผู้เสียหายเขาคาใจว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือตั้งใจ เจตนาหรือไม่เจตนา มันค่อนข้างก่ำกึ่ง เขากลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งพรุ่งนี้(30 เม.ย. 2567) จะพาผู้เสียหายไปโรงพักด้วยกัน 

 

 

              ฝั่ง สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ให้ความเห็นว่า  จริง ๆ แล้วที่เกิดเหตุของเคสนี้ มันเป็นที่สาธารณะสามารถจอดรถได้ อีกทั้งผู้บาดเจ็บยังจอดพ้นจากประตูทางเข้าออกดังนั้นไม่ใช่การขวางประตู ขณะเดียวกัน ตนมองว่าผู้ก่อเหตุฉลาด เพราะหลังเกิดเหตุเขารีบถอยรถกลับเข้าบ้านไปทันที ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ควรเคลื่อนย้ายอะไรเลย ต้องให้ตำรวจเก็บหลักฐานเสียก่อน 

 

              สำหรับความผิดคดีนี้ ผิดตาม พรบ.จราจรทางบก มาตรา 43(8) ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้ง 5,000 - 20,000 บาท และผิดตาม ป.อาญาฯ มาตรา 300 ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท อย่างไรก็ตาม สิ้่งที่ตนห่วงที่สุดคือ การเก็บหลักฐานของตำรวจ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่รีบนำรถทั้ง 2 คันมาเก็บหลักฐานโดยไว 

 

              ทั้งนี้ ทีมงานรายการถกไม่เถียง ได้ติดต่อไปยังร้อยเวรเจ้าของคดี เพื่อสอบถามถึงความคืยหน้าคดี ทางร้อยเวรยืนยันกับเราว่า พรุ่งนี้(30 เม.ย. 2567) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการตรวจสอบสภาพรถของทั้ง 2 ฝ่าย และนัดผู้เสียหายเข้าให้ปากคำ  แต่ต้องดูอาการของผู้เสียหายก่อนว่าดีขึ้นหรือยัง ส่วนเรื่องที่ผู้เสียหายติดใจ ที่ตำรวจลงในใบแจ้งความว่า ผู้ก่อเหตุประมาทปราศจากการระมัดระวัง ได้ขอชี้แจงว่า เบื้องต้นคดีนี้เป็นคดีจราจร จึงต้องลงรายระเอียดในใบประจำวันแบบนั้นไปก่อน เนื่องจากยังไม่มีการสอบปากคำโดยละเอียด หากสอบปากคำแล้วพบว่าเข้าเจตาทำร้าย ก็สามารถแจ้งข้อหาเพิ่มได้