ศาลสั่งคุก 'จ.ส.ต.ประสิทธิ์' 2 ปี ครอบครองเสื้อเกราะ-หมวกนิรภัยของทหาร เหตุการณ์ชุมนุมนปช. ปี 53
logo ข่าวอัพเดท

ศาลสั่งคุก 'จ.ส.ต.ประสิทธิ์' 2 ปี ครอบครองเสื้อเกราะ-หมวกนิรภัยของทหาร เหตุการณ์ชุมนุมนปช. ปี 53

ข่าวอัพเดท : ศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และแนวร่วม นปช. กรณีมีเสื้อเกราะกันกระสุนไว้ในครอบครองโ เหตุการณ์ชุมนุมปี 53,จ.ส.ต.ประสิทธิ์,หมวกนิรภัยของทหาร,นปช.

2,237 ครั้ง
|
30 ต.ค. 2561
ศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และแนวร่วม นปช. กรณีมีเสื้อเกราะกันกระสุนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ในเหตุการณ์ชุมนุมที่ ปี 53
 
(30 ต.ค. 61) เมื่อเวลา 09.50 น. ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก  จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ พร้อมครอบครัว ได้เดินทางมาศาล เพื่อฟังคำพิพากษาคดีดำอ.1937/60 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง  จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ อายุ 53 ปี อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และ แนวร่วม นปช. เป็นจำเลยฐานกระทำผิด พ.ร.บเครื่องยุทธภัณท์ ภายในห้องพิจารณา 714 
 
จากกรณีเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2553 เจ้าหน้าที่ตรวจค้นรถจำเลย พบมีเสื้อเกราะกันกระสุนและหมวกนิรภัยปราบจราจลซึ่งเป็นเครื่องยุทธภัณฑ์โดยมิได้รับอนุญาต ที่สูญหายไปเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ในเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าทหารปฏิบัติการสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. และขณะที่ สิบเอกชนะยุทธ คมสาคร สังกัดกองทัพภาค 1 กำลังปฏิบัติหน้าที่ ได้มีคนร้ายมากกว่า 3 คนขึ้นไปร่วมกันใช้คันธงยาว 1 เมตรตีประทุษร้ายและแย่งชิงหมวกนิรภัยปราบจลาจลราคา 3,745 บาท ที่ สิบเอกชนะยุทธ สวมอยู่ที่ศีรษเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กาย เหตุเกิดที่แขวง - เขตดุสิต กทม. และที่อื่นเกี่ยวพันกัน โดยจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว 
 
โดย จ.ส.ต.ประสิทธิ์ เผยก่อนขึ้นฟังคำพิพากษาว่า ในคดีนี้ทาง ดีเอสไอ ตั้งข้อหาปล้นตนกับพวก รวม 4 คนแต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง สุดท้ายอัยการก็มาสั่งฟ้องตนคนเดียวในข้อหา มียุทธภัณฑ์ทางการทหารไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ซึ่งในวันนี้ศาลได้นัดตัดสินในคดี และตนเองได้เตรียมหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 3 แสน มาเพื่อยื่นขอประกันปล่อยตัวชั่วคราวด้วย 
 
เมื่อถึงเวลาศาลได้พิเคราะห์แล้ว พยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ เบิกความสอดคล้องกันมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส่วนที่จำเลยอ้างว่าไม่ทราบว่าของกลางอยู่ในรถของจำเลย เนื่องจากได้นำของกลางไปประกาศหาเจ้าของบนเวทีแล้ว และต่อมาการ์ด นปช. ได้นำของกลางไปใส่ไว้ท้ายรถจำเลย แล้วจำเลยขับออกไปโดยไม่ทราบ เป็นการง่ายต่อการอ้าง และพยานหลักฐานจำเลยยังมีข้อพิรุธ จึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ พิพากษาให้จำคุกจำเลยฐานรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 เป็นเวลา 1 ปี และจำคุกฐานกระทำผิด พ.ร.บ.เครื่องยุทธภัณท์ พ.ศ.2530 เป็นเวลา 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี 
 
หลังศาลมีคำพิพากษา ทนายของจ่าสิบตำรวจประสิทธิ์ จำเลย ได้เตรียมหลักทรัพย์ยื่นประกันตัวสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ในขณะนี้อยู่ในระหว่างยื่นคำร้องในการ ขอประกันตัว