แกนนำนปช.พร้อมน้อมรับคำตัดสินศาลฎีกาคดีบุกบ้านป๋าเปรม ยืนยันแม้สิ้นอิสระภาพจะเดินหน้าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาคดีที่แกนนำ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการชาติ หรือ นปช. ร่วมกันไปชุมนุมหน้าบ้านพักของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองค์มนตรี เมื่อปี 2550 คดีนี้ผ่านมาแล้วกว่า 12 ปี ก่อนหน้านี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกจำเลย 5 คน คนละ 2 ปี 8 เดือน และยกฟ้องจำเลยไป 2 คน
และวานนี้ (26 มิ.ย.63) นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาหลังจำเลยบางคนขอกลับคำให้การเป็นรับสารภาพ เมื่อถึงเวลานายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. พร้อมด้วยพวกรวม 5 คน จำเลยในคดีร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยใช้กำลังปทุษร้ายก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา
คดีนี้ต่อสู้กันมายาวนานกว่า 12 ปี โดยมีการฟ้องจำเลยรวม 7 คน ตั้งแต่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 คือนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว ฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ 2 ปี 8 เดือน ส่วนจำเลยที่ 4-7 ซึ่งเป็นอดีตแกนนำนปช. จำคุกคนละ 4 ปี 4 เดือน และยกฟ้องจำเลย 2 คน ส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษจำคุกจำเลยที่ 4-7 เหลือจำคุกคนละ 4 ปี เนื่องจากจำเลยต่อสู้ฐานเป็นผู้สนับสนุนชุมนุมไม่ใช่เป็นแกนนำ ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายหลายบท แต่เป็นการกระทำกรรมเดียว ศาลจึงลงโทษจำคุกคนละ 4 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้างจึงลดโทษเหลือคนละ 2 ปี 8 เดือน ส่วนจำเลยที่ 1 คงโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือนเท่าเดิม ไม่รอลงอาญา และยื่นประกันตัวไปคนละ 5 แสนบาท ทั้งหมดจึงยื่นฎีกาคดี
จากนั้นเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ได้คุมตัวทั้ง5คน ขึ้นรถคุมขัง เพื่อไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ทันทีโดยระหว่างการคุมตัว แกนนำนปช.คนอื่นๆ และและมวลชนที่เดินทางมาร่วมรับฟังคำตัดสิน ต่างตะโกนให้กำลังใจ และตะโกนบอกให้สู้ๆ
ล่าสุดมีรายงานว่าทั้ง 5 คนถูกคุมตัวไปยังแดน 2 ซึ่งมีการใช้พื้นที่ในการกักกันผู้ต้องโทษเป็นเวลา 14 วัน ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ซึ่งหลังจากที่ครบกำหนดแล้ว จึงจะมีการย้ายไปยังตามระบบลงโทษ
+ อ่านเพิ่มเติม