นายประยูร ช่วยแก้ว รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการ ขสมก.เปิดเผยว่า ตามมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง กำหนดให้รถโดยสารปรับอากาศที่วิ่งให้บริการประชาชนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จัดเก็บค่าโดยสารในอัตรา 13 - 25 บาท แต่ที่ผ่านมา ขสมก.จัดเก็บค่าโดยสารในอัตรา 11 - 23 บาท ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการดูแลภาระค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางให้กับประชาชน มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2558
แต่ปัจจุบัน ขสมก.อยู่ระหว่างการพัฒนาการให้บริการรถโดยสาร ตามยุทธศาสตร์ของแผนฟื้นฟูกิจการด้วยการนำรถโดยสารปรับอากาศรุ่นใหม่ มีเทคโนโลยีทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มาวิ่งให้บริการประชาชน ทดแทนรถโดยสารเดิมที่มีสภาพเก่าทรุดโทรม เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้บริการได้รับความสะดวก ปลอดภัยในการเดินทางมากยิ่งขึ้น โดยมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การ ครั้งที่ 6/2561 เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2561 เห็นชอบให้ ขสมก.กำหนดอัตราค่าโดยสารรถปรับอากาศรุ่นใหม่
ให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ขสมก.จึงขอกำหนดอัตราค่าโดยสาร
รถปรับอากาศรุ่นใหม่ ทั้งรถโดยสารที่นำเข้ามาวิ่งให้บริการแล้ว และรถโดยสารที่กำลังทยอยเข้ามาเพิ่ม
ในอนาคต เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการดังกล่าว ซึ่งรถโดยสารปรับอากาศรุ่นใหม่ที่ ขสมก.นำมาวิ่งให้บริการประชาชน เป็นรถโดยสารชานต่ำ (Low Floor) มีการออกแบบในลักษณะ Universal Design พร้อมติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้แก่ กล้อง CCTV, ระบบ GPS, ทางลาดสำหรับเข็นรถวีลแชร์ เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้บริการทุกประเภท ทั้งคนพิการและผู้สูงอายุสามารถใช้บริการรถโดยสารได้อย่างสะดวกปลอดภัย โดย ขสมก.จะเริ่มใช้อัตราค่าโดยสารใหม่กับรถโดยสารปรับอากาศชานต่ำใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 100 คัน ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป ซึ่งปัจจุบันรถโดยสารดังกล่าววิ่งให้บริการในสาย 20, 21, 37,105, 138 และสาย 140
โดยย้ำว่า การกำหนดอัตราค่าโดยสารใหม่ เฉพาะรถรุ่นใหม่ที่เข้ามาให้บริการ ส่วนรถเก่าทั้งธรรมดาและปรับอากาศยังคงค่าโดยสารอัตราเดิม
+ อ่านเพิ่มเติม