ให้ออกจากราชการ! อดีต ผบก.ภ.จว.เลย คดีทุจริตโครงการรวมหนี้ 229 ล้าน
logo ข่าวอัพเดท

ให้ออกจากราชการ! อดีต ผบก.ภ.จว.เลย คดีทุจริตโครงการรวมหนี้ 229 ล้าน

ข่าวอัพเดท : รอง ผบ.ตร. ยืนยันคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ไม่ปกป้องอดีต ผบก.ภ.จว.เลย คดีทุจริตโครงการรวมหนี้ ลงนามคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช,คดีทุจริตโครงการรวมหนี้,อดีต ผบก.ภ.จว.เลย

2,409 ครั้ง
|
20 ส.ค. 2561
ให้ออกจากราชการไว้ก่อน! อดีต ผบก.ภ.จว.เลย คดีทุจริตโครงการรวมหนี้
 
รอง ผบ.ตร. ยืนยันคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ไม่ปกป้อง อดีต ผบก.ภ.จว.เลย คดีทุจริตโครงการรวมหนี้ ลงนามคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว 
 
วันนี้ (20 ส.ค.) พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคล้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีทุจริตโครงการรวมหนี้และบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย ซึ่งมีนายตำรวจระดับผู้บังคับการและผู้กำกับการในขณะนั้นถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องว่า 
 
ล่าสุดได้ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย และ พ.ต.อ.เฉลิม ยอดปทุม ผู้กำกับการอำนวยการ ตำรวจภูธรจังหวัดหนองบัวลำภู ลูกน้องคนสนิทที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันก่อเหตุ ให้ออกจากราชการไว้ก่อนตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อความสะดวกในการสืบสวนทางคดีและทางวินัย พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง หลังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ดำเนินคดีอาญา และพลตำรวจตรีสุทิพย์ได้เข้ารายงานตัวต้องคดีอาญาที่สำนักงานกำลังพลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ ระบุว่า การตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ได้กำหนดกรอบระยะเวลาไม่เกิน 270 วัน คณะกรรมการก็จะมีมติ ซึ่งโทษจะมีทั้งปลดออก หรือให้ออกจากราชการ แต่ถ้ามติลงความเห็นว่าไม่มีความผิด ผู้ถูกกล่าวสามารถร้องขอกลับเข้ารับราชการได้เหมือนเดิม
 
ส่วนคดีอาญา ทางพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ก็ดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน ซึ่งที่ผ่านมาตนเองก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด แต่ก็รับทราบข่าวว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนในการดำเนินคดีอาญาในข้อหาฉ้อโกงประชาชน 
 
ทั้งนี้ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ส่วนการเยียวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะมีเพียงการดูแลสิทธิตามสมควร ซึ่งผู้เสียหายจะต้องไปฟ้องแพ่งดำเนินคดีกันเอง แต่ก็ยอมรับว่าเห็นใจผู้ใต้บังคับบัญชา จึงได้สั่งการให้มีการสร้างรายได้และอาชีพที่เหมาะสมกับข้าราชการตำรวจที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ได้สั่งการให้มีการสืบสวนสอบสวนเอาผิดทั้งทางอาญาและทางวินัยไปตามขั้นตอนของกฎหมาย รวมทั้งสั่งการให้ทุกกองบัญชาการตำรวจทั่วประเทศ ตรวจสอบผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้เกิดกรณีลักษณะนี้ขึ้นอีก
 
สำหรับคดีนี้มีผู้เสียหายเป็นข้าราชการตำรวจภูธรจังหวัดเลย 192 นาย ถูก พล.ต.อ.สุทิพย์ ชักชวนให้ลงทุนในโครงการรวมหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย เพื่อเป็นกองทุนบริหารจัดการหนี้ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือชำระหนี้ให้กับสมาชิก แต่ทางโครงการกลับไม่เคยได้นำเงินไปใช้หนี้ให้สมาชิกจริง ทำให้สมาชิกซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจหลายนายถูกเจ้าหนี้ตามทวงหนี้ ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก มูลค่าความเสียหายกว่า 229 ล้านบาท
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง