สั่งฟัน ดต.ท่องเที่ยว ปลอมเป็นปกครองเก๊ เก็บส่วยสถานบันเทิง ให้ออกจากราชการไว้ก่อน
logo ข่าวอัพเดท

สั่งฟัน ดต.ท่องเที่ยว ปลอมเป็นปกครองเก๊ เก็บส่วยสถานบันเทิง ให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ข่าวอัพเดท : จเรตำรวจแห่งชาติ สั่งฟัน ดต.ท่องเที่ยว ปลอมเป็นปกครองเก๊ เก็บส่วยสถานบันเทิง ให้ออกจากราชการไว้ก่อน เหตุเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ตำรวจ จเรตำรวจแห่งชาติ,ดต.ท่องเที่ยว,ปกครองเก๊,เก็บส่วย,ให้ออกจากราชการ

433 ครั้ง
|
08 ก.ค. 2565
        จเรตำรวจแห่งชาติ สั่งฟัน ดต.ท่องเที่ยว ปลอมเป็นปกครองเก๊ เก็บส่วยสถานบันเทิง ให้ออกจากราชการไว้ก่อน เหตุเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ตำรวจ
 
         วันที่ 8 ก.ค.65 จากกรณีที่ ชุดเฉพาะกิจกรมการปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ ได้ร่วมกันจับกุม ด.ต.ภูวเมศร์ ผบ.หมู่ ส.ทท.1 กก.1 บก.ทท.3 และนายมานัส ที่บริเวณลานจอดรถหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเขต อ.บางใหญ่ จว.นนทบุรี ขณะที่ทั้งสองได้ขับรถยนต์มาตระเวนเก็บส่วยสถานบันเทิงในเขตจังหวัดนนทบุรี  โดย ด.ต.ภูวเมศร์ ได้ใช้รถยนต์สายตรวจตำรวจท่องเที่ยวยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ เป็นยานพาหนะในการตระเวนเก็บส่วยนั้น วันที่ 7 ก.ค.65
     
         พลตำรวจเอกวิสนุ ปราสาททองโอสถจเรตำรวจแห่งชาติ เผยว่า พลตำรวจเอก สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแก่งชาติ รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว สั่งการให้ตนดำเนินการเร่งด่วน เพราะเป็นการกระทำความผิดอย่างชัดเจนจนถูกจับกุมดำเนินคดี ซึ่งสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นอย่างมาก  โดยในเรื่องนี้จะต้องทำให้เกิดความชัดเจนหากตำรวจคนใดกระทำผิดกฎหมายเสียเองจะต้องถูกดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว  จึงได้สั่งการไปยัง พลตำรวจโทสุคุณ  พรหมมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ให้รีบดำเนินการทางวินัยในทันที โดยให้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงโดยไม่ต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้มีคำสั่งให้ ดาบตำรวจภูวเมศร์ ออกจากราชการไว้ก่อนโดยเร็วที่สุด
      
      สำหรับในส่วนของการดำเนินคดีอาญานั้นได้กำชับให้ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ลงไปกำกับดูแลการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่  ให้ดำเนินคดีนี้อย่างรัดกุม รวดเร็วและเป็นธรรม เพื่อให้สังคมเห็นว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่ปกป้องตำรวจที่กระทำผิดในลักษณะนี้อย่างแน่นอน 
         
       นอกจากนี้ ผบ.ตร.ยังได้สั่งการให้ตนกำชับไปยัง ผบช.ทท. ให้ดำเนินการทางวินัยกับผู้บังคับบัญชาของ ด.ต.ภูวเมศร์ ที่บกพร่องในการปกครองดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาจนทำให้มาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น  ต้องมีการตรวจสอบการนำรถยนต์สายตรวจตำรวจท่องเที่ยวซึ่งเป็นรถยนต์ของทางราชการมาใช้ในการกระทำผิดนอกเขตพื้นที่รับผิดชอบของ ด.ต.ภูรเมศร์ ด้วยว่าเป็นไปโดยถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าเป็นความบกพร่องของผู้ใดก็ให้ดำเนินการทางวินัยในเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน  
     
       พร้อมย้ำ หากพบว่ามีตำรวจนายใดออกนอกแถวไปกระทำผิดในลักษณะนี้อีก จะต้องถูกดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดทุกราย