คลื่นที่มองไม่เห็นทำให้ "คนเห็นผี"
เกือบ 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดเชื่อว่าผีมีจริง ศาสตราจารย์สาขาจิตวิทยาชาวอังกฤษผู้หนึ่งจึงมุ่งหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายว่า ประสบการณ์เหนือธรรมชาติเกิดจากอะไร และขณะนี้เขาก็พบคำตอบแล้ว ด้วยความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านคลื่นเสียงและเครื่องมือทดสอบความชื้น
ตลอดเวลาร้อยกว่าปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์พยายามหาเหตุผลมาอธิบายว่า ปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติเกิดจากอะไร วันนี้ภารกิจข้อนี้ดูจะบรรลุจุดมุ่งหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างน้อยก็ในความเห็นของริชาร์ด ไวส์แมน ศาสตราจารย์สาขาความเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิทยาของสาธารณชน มหาวิทยาลัยเฮิร์ดฟอร์ดเชียร์ ประเทศอังกฤษ เขามุ่งศึกษาว่าทำไมคนนับพันนับหมื่นจึงมีประสบการณ์เจอผีมานานถึง 1 ทศวรรษ ล่าสุดเขาพบเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถอธิบายได้ว่าประสบการณ์เจอผีที่พบกันบ่อยๆ เกิดจากอะไร
ไวส์แมนบอกว่าประสบการณ์เจอผีที่ได้ยินบ่อยๆ คนเล่ามักบอกว่ารู้สึกเหมือนมีใครหรืออะไรอยู่ข้างหลัง บางคนบอกว่าจู่ๆ ก็หนาววูบไปทั้งตัวหรือเย็นยะเยือกถึงไขสันหลัง บางคนก็สังเกตเห็นหรือรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่อาจตีความได้ว่าเจอผีเข้าแล้ว
ไวส์แมนมุ่งพิสูจน์ปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติด้วยการอ่านรายงานทางวิทยาศาสตร์เดินทางไปเยือนสถานที่ที่ได้ชื่อว่าผีดุที่สุดในอังกฤษครั้งละหลายๆ สัปดาห์ และวิเคราะห์ผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ดำเนินการอย่างเป็นเอกเทศนี้ เพื่อหาคำอธิบายว่าปรากฎการณ์เหล่านี้เกิดจากอะไร ในที่สุดเขาก็ไขความลับออกมาได้ว่า ต้นเหตุของประสบการณ์ "เจอผี" นั้นมีได้ตั้งแต่คลื่นอินฟราซาวนด์ (infrasound) อาคารบ้านเรือนที่ไม่มีฉนวนกั้นความเย็นอย่างพอเพียง รวมทั้งรูปแบบการนอนหลับตามธรรมชาติของมนุษย์เราเอง
ความรู้สึกแบบที่ 1 เราไม่ได้อยู่คนเดียวในห้อง
คนส่วนใหญ่เคยสัมผัสประสบการณ์ชวนสยองที่จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีใครหรืออะไรบางอย่างอยู่ข้างหลัง แต่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบแล้วว่าความรู้สึกชวนอึดอัดนี้เกิดจากสาเหตุทางธรรมชาตินั้น นั่นคือคลื่นความถี่ต่ำที่ตามองไม่เห็นเรียกว่า คลื่นใต้เสียง หรืออินฟราซาวนด์ (infrasound)
คลื่นอินฟราซาวนด์เคลื่อนที่ด้วยความถี่ต่ำมากจนหูของคนเราไม่สามารถรับได้ แต่นักวิทยาศาสตร์ทราบมานานแล้วว่าคลื่นชนิดนี้มีผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์ คลื่นเหล่านี้มีพลังมาก สามารถเคลื่อนวัตถุหนัก กระแทกหน้าต่าง และกดทับร่างกายมนุษย์ได้ เราสัมผัสกับคลื่นอินฟราซาวนด์อยู่ตลอดเวลา โชคดีที่เป็นเพียงคลื่นอ่อนๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีพลังพอจะส่งผลต่อเราได้ ไวส์แมนบอกว่า ผลกระทบจากคลื่นนี้อาจจะมีบทบาทสำคัญในการพบเจอประสบการณ์เหนือธรรมชาติ
ในการทดลองครั้งหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันแบ่งผู้ร่วมการทดลอง 70 คน เป็น 2 กลุ่ม และให้กลุ่มหนึ่งเข้าไปอยู่ในห้องที่ปล่อยคลื่นอินฟราซาวนด์อ่อนๆ โดยไม่บอกให้รู้ตัวหลังจบการทดลอง นักวิทยาศาสตร์สัมภาษณ์ทั้งสองกลุ่มว่ารู้สึกอย่างไร
ผลที่ได้จากการทดลองชัดเจนจนไม่เหลือช่องให้เข้าใจผิด ผู้ที่ได้รับคลื่นอินฟราซาวนด์ ส่วนใหญ่บอกว่ารู้สึกหนาวเย็นตามไขสันหลังและรู้สึกว่ามีใครสักคนอยู่ในห้องด้วย และมี 2-3 คนที่บอกว่ารู้สึกคลื่นไส้วิงเวียนด้วย การทดลองครั้งนั้นยืนยันสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงหรือสวนศาสตร์ (Acoustician) ทราบมานานแล้ว นั่นคือคลื่นอินฟราซาวนด์ก่อความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นในร่างกายมนุษย์ได้
นักวิทยาศาสตร์ที่ทำการทดลองครั้งนั้นบอกว่า นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมประสบการณ์เจอผีที่ทราบๆ กันจึงมักเกิดในสภาพอากาศที่มีพายุลมแรง เนื่องจากลมเป็นตัวสร้างคลื่นอินฟราซาวนด์ความถี่ต่ำนั่นเอง ริชาร์ด ลอร์ด นักวิจัยประจำห้องปฏิบัติการฟิสิกส์แห่งชาติในอังกฤษ เป็นอีกคนที่พยายามหาเหตุผลว่าทำไมสถานที่บางเเห่งจึง "ผีชุมกว่าที่อื่น" หรือพูดอีกอย่างก็คือ ทำไมจึงมักมีรายงานว่าเจอผีหลอกในที่เดิมๆ
ริชาร์ด ลอร์ด ซึ่งเป็นนักวิจัยคลื่นเสียงประเมินว่า คลื่นอินฟราซาวนด์มีการก่อตัวสะสมในบางจุด เช่น บริเวณปากถ้ำหินขชนาดใหญ่ที่มีทางเข้าแคบ คลื่นอินฟราซาวนด์สะสมกันเป็นปริมาณมากมายมหาศาล จนคนที่เข้าไปบริเวณนั้นรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวเพราะพลังคลื่น นอกจากนี้ลักษณะทางภูมิศาสตร์ก็มีผลเช่นกัน เนินเขา เทือกเขา หุบเขา อาจเป็นแหล่งรวมคลื่นอินฟราซาวนด์ได้ทั้งนั้น ซึ่งอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาเขาอยู่ในสถานที่บางเเห่ง เราจึงมักเจอประสบการณ์แปลกๆ ที่ยากจะอธิบาย
ทำเนียบผีดุของโลก
ทัณฑสถานอีสเทิร์นสเตด เมืองฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา
ทศวรรษ 1940 นักโทษเริ่มรายงานว่าเห็นเงาร่างลึกลับตามทางเดินอันหนาวเหน็บในเรือนจำ วันนี้ทัณฑสถานแห่งนี้่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ผู้มาเยือนต่างแห่กันไปชมห้องขังหมายเลข 4 ซึ่งมีรายงานว่ามีคนเห็นนักโทษที่ตายไปแล้ว
คลื่นเสียงความถี่ต่ำทำให้ร่างกายไม่สบาย
คลื่นอินฟราซาวนด์ที่นักวิทยาศาสตร์สงสัยว่ามีบทบาทสำคัญในการเจอประสบการณ์เหนือธรรมชาติ เป็นคลื่นเสียงความถี่ต่ำกว่า 20 เฮิรตซ์ ซึ่งหูของมนุษย์ไม่ได้ยินแต่จาการทดลองพบว่าร่างกายของเราสามารถสัมผัสคลื่นนี้ได้ ศาสตราจารย์ชาวอังกฤษชื่อ ริชาร์ด ไวส์แมน แสดงให้เห็นว่าอินฟราซาวนด์จากฟ้าผ่า ฯลฯ (ดูภาพประกอบ) ส่งผลให้ผู้ร่วมการทดลองรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว บางคนถึงกับคลื่นไส้ หรือเห็นภาพไม่ชัด
"อินฟราซาวนด์ อาจทำให้เรารู้สึกไม่สบายทั้งกายและใจ" ริชาร์ด ไวส์แมน ศาสตราจารย์สาขาจิตวิทยาชาวอังกฤษ
เราถูกคลื่นอินฟราซาวนด์ โจมตีตลอดเวลา
ชั้นบรรยากาศของโลกถูกคลื่นอินฟราซาวนด์ โจมตีอยู่ทุกวัน พายุที่พัดกระหน่ำบนโลกก่อให้เกิดคลื่นอินฟราซาวนด์ความถี่ต่ำ และแม้แต่คลื่นในทะเลก็ทำให้เกิดคลื่นอินฟราซาวนด์เช่นกัน จากการตรวจวัดของนักวิทยาศาสตร์พบว่าแม้แต่แผ่นดินไหวความแรงน้อยที่สุดก็ทำให้เกิดคลื่นอินฟราซาวนด์ตามมา ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมบางครั้งมนุษย์และสัตว์จึงรู้สึกอึดอัดไม่เป็นสุขก่อนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
เนื่องจากสัมผัสได้ถึงคลื่นอินฟราซาวนด์จากแผ่นดินไหวระลอกเล็กๆ ที่เกิดนำหน้าครั้งใหญ่ คลื่นอินฟราซาวนด์จำนวนมากเกิดจากน้ำมือมนุษย์โดยเฉพาะ การขับเครื่องบิน แต่จรวดและดาวเทียมก็ทำให้เกิดคลื่นอินฟราซาวนด์ได้เช่นกัน สัตว์ต่างๆ ใช้คลื่นชนิดนี้ในการติดต่อสื่อสารระยะไกล โดยวาฬสามารถส่งคลื่นอินฟราซาวนด์ขนาด 400 เมตร สื่อสารข้ามมหาสมุทรเป็นระยะทางหลายพันกิโลเมตรเลยทีเดียว
ทำเนียบผีดุของโลก
ไร่เบอร์เทิลส์ รัฐหลุยเซียน่า สหรัฐอเมริกา
มีตำนานกล่าวขานว่าไร่เก่าแก่อายุกว่า 200 ปีแห่งนี้ มีผีสิงอยู่ถึง 12 ตน ที่โด่งดังที่สุดคือผีนางทาสนามโคลเอ ซึ่งถูกแขวนคอใกล้กับตัวบ้านใหญ่ด้วยข้อหาฆาตกรรม ทุกวันนี้โคลเอยังเดินร่อนเร่อยู่นอกบ้าน ส่งเสียงเรียกเด็กหญิงสองคนที่ถูกเธอฆ่าตาย
ความรู้สึกแบบที่ 2 อากาศในห้องเย็นเยือกกะทันหัน
เพื่อหาว่าอากาศหนาวกับผีมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร ริชาร์ด ไวส์แมน กับทีมงานเดินทางไปยังตำหนักแฮมป์ตันคอร์ด ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงลอนดอน 20 กิโลเมตร ตำหนักแห่งนี้มีชื่อเสียงเลื่องลือว่าผีชุมที่สุดแห่งหนึ่งในอังกฤษ หลายปีที่ผ่านมามีรายงานจากผู้ไปเยือนแฮมป์ตันคอร์ดว่า กำลังเดินๆ อยู่ก็รู้สึกเหมือนความหนาวเย็นเข้าปกคลุมทั่วตัวจนเย็นเยือกเข้าไปถึงไขสันหลัง อุณหภูมิลดต่ำลงนี้ได้รับการตีความว่าเป็นปรากฎการณ์ "เหนือธรรมชาติ" และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนเชื่อว่าเเฮมป์ตันคอร์ดมีผีสิง
ไวส์แมนใช้วิธีการเป็นระบบมาท้าพิสูจน์ว่าตำหนักแห่งนี้มีผีจริงหรือไม่ เขาติดตั้งกล้องถ่ายภาพ สแกนเนอร์ไวความร้อน เครื่องดักจับความเคลื่อนไหว และอุปกรณ์อีกหลายอย่างที่นักจับผีสมัยใหม่จำเป็นต้องใช้
การณ์ปรากฎว่าอุปกรณ์จับผีชิ้นเดียวที่ได้ใช้งานเป็นเรื่องเป็นราวคือเครื่องทดสอบความชื้นธรรมดาๆ ที่ไวส์แมนพกติดตัวไปด้วย ผลการทดสอบชี้ว่า บริเวณที่มีรายงานการเจอผีบ่อยที่สุดในแฮมป์ตันคอร์ดเป็นบริเวณที่ชื้นที่สุดในตำหนักทั้งสิ้น
ไวส์แมนให้เหตุผลว่าความชื้นทำให้แต่ละห้องภายในตำหนักมีอุณหภูมิต่างกันเล็กน้อย เมื่อแขกเข้าไปในบริเวณที่มีความชื้นสูงก็จะรู้สึกหนาวเยือกขึ้่นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน
ความรู้สึกแบบที่ 3 เป็นร่างลึกลับเงาลางๆ
คนอเมริกัน 1 ใน 6 คน เชื่อว่าตนเองเคยเห็นผี แม้การพิสูจน์ว่าผีไม่มีจริงจะเป็นเรื่องที่เกือบเป็นไปไม่ได้ แต่นักวิทยาศาสตร์อาจค้นพบแล้วว่าอะไรคือสาเหตุในการเกิดประสบการณ์เหนือธรรมชาติ เพราะผู้ที่เคยสัมผัสปรากฎการณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่มักรายงานว่าสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในช่วงที่กำลังเคลิ้มๆ ใกล้หลับหรือเมื่อสะดุ้งตื่นกะทันหัน
นักวิจัยการนอนหลับทราบดีว่า สมองของคนเราจะสร้างภาพต่างๆ ขึ้นมากมายในช่วงที่กำลังเคลิ้มหลับและช่วงใกล้ตื่น ปรากฎการณ์นี้เกิดจากการสร้างคลื่นแอลฟาขึ้นในสมองเป็นจำนวนมาก คลื่นเหล่านี้ให้กำเนิดปรากฎการณ์ด้านภาพ เช่น เห็นเป็นจุดหรือดวง แถบแสงรูปทรงเรขาคณิต รวมทั้งรูปร่างที่เหมือนมนุษย์ โดยมักเกิดพร้อมกัยเสียงกระซิบแผ่วๆ เสียงดังปึงปังหรือเสียงฝีเท้าคนเดิน
ภาพและเสียงเหล่านี้เป็นองค์ประกอบที่พบบ่อยที่่สุดในคำบรรยายรูปลักษณะของสิ่งเหนือธรรมชาติ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก ริชาร์ด ไวส์แมน บอกว่า การเห็นภาพเลือนๆ เช่นนี้มีคำอธิบายง่ายๆ ว่าสมองยังไม่ตื่นเต็มที่จึงสร้างภาพที่ผิดพลาดขึ้น แต่ถ้าเป็นประสบการณ์เจอผีที่พบบ่อยที่สุดอย่าง "ผีอำ" นั้น ที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์ยังหาเหตุผลดีๆ มาอธิบายไม่ได้ คนที่เล่าว่าเคยพบประสบการณ์ทำนองนี้ประมาณครึ่งหนึ่งมักบอกว่ารู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ ทับอยู่บนอก พยายามจะลุกก็ไม่ขึ้น
ปรากฎการณ์ที่ว่านี้คือที่มาของคำว่าฝันร้าย หรือ Nightmare ในภาษาอังกฤษ โดยผู้ที่เคยมีประสบการณ์ "ถูกผีอำ" จะรู้สึกเหมือนมีใครหรืออะไรทับอยู่บนอก ทำให้ขยับตัวไม่ได้ต้องพยายามปลุกตัวเองให้ตื่น แต่ขณะนี้นักวิจัยการนอนหลับบอกว่า อาจพบสาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนี้แล้ว กล่าวคือการนอนหลับยามกลางคืนของคนเราจะมีช่วงที่เรียกว่า ระยะ REM (Rapid Eye Movement) สลับกับระยะหลับตื้น (light sleep) ปลุกให้ตื่นได้ง่าย 5 ช่วงด้วยกัน
ลักษณะประการหนึ่งของการนอนหลับแบบ REM คือ อาการอ่อนแรงหรืออัมพฤกษ์อ่อนๆ ซึ่งเป็นกลไกที่ป้องกันไม่ให้ร่างกายของคนหลับออกท่าทางตามฝันนั่นเอง ขณะที่เปลี่ยนจากการหลับในระยะ REM เป็นระยะหลับตื้น สมองอาจสับสนทำให้ขยับตัวไม่ได้ อันเป็นลักษณะตามปกติของ REM พร้อมๆ กันกับเห็นภาพเลือนลางซึ่งเป็นไปตามปกติของระยะหลับตื้น ผลคือบุคคลนั้นจะกระดิกตัวไม่ได้และมองเห็นภาพลางๆ จนคิดไปเองว่าตัวเองเจอผีหลอกเข้าให้แล้ว
แต่ถ้า...พิสูจน์ไม่ได้ว่าผีไม่มีจริงล่ะ
แม้นักวิทยาศาสตร์จะทำการศึกษาอย่างเป็นระบบจนพบคำอธิบายปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติที่เจอกันบ่อยๆ แต่ยังเหลือปัญหาอมตะอีกข้อ นั่นคือแม้จะยกเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่ละเอียดถี่ถ้วนที่สุดมาอธิบาย ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าผีไม่มีจริง
ริชาร์ด ไวส์แมน เชื่อว่า ปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติอธิบายได้ด้วยเหตุผลทางธรรมชาติ เขาจึงมุ่งค้นหาเหตุผลทางธรรมชาติ เขาจึงมุ่งค้นหาเหตุผลเหล่านั้นต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ทำเนียบผีดุของโลก
สุสานไฮเกต กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
สุสานทางตอนเหนือของกรุงลอนดอนแห่งนี้มีป้ายหลุมศพกว่า 53,000 ป้าย ลือกันว่ามีสตรีชรานางหนึ่งเดินเร่ร่อนระหว่างป้ายหินเหล่านี้ พลางมองหาลูกๆ ที่ถูกนางฆ่าตาย ผู้ที่ไปเยือนอ้างว่าเคยเห็นแม่ชีลอยอยู่ในสุสานด้วย
การใช้ประโยชน์จากคลื่นที่เราไม่ได้ยิน
คลื่นเสียงความถี่ต่ำที่เรียกว่าอินฟราซาวนด์ เผยให้เห็นทุกอย่างตั้งแต่การระเบิดของภูเขาไฟไปจนถึงกิจกรรมของช้าง
ระเบิดปรมาณู
การติดตามสอดส่อง ด้วยคลื่นอินฟราซาวนด์ ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงสงครามเย็น โดยหน่วยข่าวกรองของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งใช้วิธีนี้ติดตามการทดลองระบิดปรมาณูฝ่ายศัตรู
ตามดูดาวตก
เมื่ออุกกาบาตตกถึงชั้นบรรยากาศของโลกแรงระเบิดจะก่อให้เกิดคลื่นอินฟราซาวนด์ นักดาราศาสตร์คอยตรวจวัดคลื่นที่เกิดขึ้นนี้เพื่อจะรู้จักอุกกาบาตมากขึ้น
สอดส่องดูแลช้าง
นักชีววิทยาสามารถติดตามโขลงช้างในป่าทึบด้วยการวัดคลื่นอินฟราซาวนด์ ที่ช้างใช้สื่อสารระหว่างกัน
เตือนภัยทอร์นาโด
พายุทอร์นาโดอำนาจทำลายล้างสูงจะปล่อยคลื่นอินฟราซาวนด์ปริมาณมหาศาลออกมา นักอุตุนิยมวิทยาจึงพยายามหาวิธีพยากรณ์ว่าพายุมหาภัยครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นที่ใดและเมื่อไร
ทำนายการระเบิดของภูเขาไฟ
นักธรณีวิทยากำลังพยายามวัดคลื่นอินฟราซาวนด์ที่ถูกภูเขาไฟปล่อยออกมาก่อนการระเบิด