ผู้เสียหายประมาณ 100 คนมาแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทอาหารเสริม-เครื่องสำอางดัง ในเรื่องการขายสินค้าสวม อย. สร้างความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ พร้อมผู้เสียหายกว่า 100 คน เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปรามเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัท เมจิก สกิน จำกัด กรณีที่บริษัทดังกล่าวหลอกลวงผู้บริโภค จำหน่ายสินค้าปลอมสวม อย. สวมโรงงาน และมีพฤติกรรมหลอกลวงคนมาลงทุนทำสินค้าที่สวม อย. ทำให้มีผู้เสียหายมากกว่า 5,000 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท
นายรณณรงค์ระบุว่า ผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นผู้ค้าที่ขายผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าของตนเอง โดยทางบริษัทอ้างว่าสินค้าทุกตัวมีเลข อย.สามารถจำหน่ายได้ ต่อมามีผู้พบว่าเลข อย.ไม่ตรงกับเลขสินค้า ทำให้มีการตรวจสอบขยายผล พบว่าสินค้าส่วนใหญ่ถูกสวม อย. และ มีการใช้เลข อย. ผิดประเภท รวมถึงการอ้างสถานที่ตั้งผลิตโรงงานที่ไม่มีอยู่จริง นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับสารประกอบว่าจะมีการใช้สารต้องห้ามของทาง อย. รวมอยู่ด้วย
หลังจากนี้จะให้ อย. ตรวจสอบว่าวัตถุดิบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆนั้นถูกต้องหรือไม่ ส่วนในวันนี้จะแจ้งความในข้อหาฉ้อโกงประชาชนกับเจ้าของผลิตภัณฑ์และตัวแทนจำหน่าย ซึ่งเมื่อวานมีการเจรจาค่าเสียหายแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ และในการเจรจายังถูกปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องสินค้าผ่านอย. หรือไม่ บอกเพียงว่าสามารถขายได้ และไม่มีกำหนดในการคืนเงินกับผู้เสียหาย
หนึ่งในผู้เสียหายระบุว่า เบื้องต้นได้รับความเสียหายกว่า 6 ล้านบาท ก่อนหน้านี้มีลูกค้าทักท้วง ว่ามีการจดเลขทะเบียนถูกต้องหรือไม่ เมื่อตรวจสอบก็พบว่าเลขทะเบียนไม่ตรงกันและเกรงว่าลูกค้าจะเสียหายจึงยุติการจำหน่าย และได้ทวงถามไปยังผู้ผลิต แต่ทางผู้ผลิตอ้างให้เซ็นสัญญาที่ไม่เปิดเผยรายละเอียดได้เพื่อรับเงินคืน แต่เนื่องจากไม่ไว้วางใจจึงไม่ดำเนินการเซ็น จึงรวมตัวกับผู้เสียหายรายอื่นมาแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของบริษัทในวันนี้
ขณะที่รายงานจากเว็บไซต์ข่าวสด อ้างคำสัมภาษณ์ฺหนึ่งในผู้บริหารผลิตภัณฑ์ที่ถูกกล่าวหาที่เปิดเผยว่า ขอยืนยันว่าสินค้าของบริษัทถูกต้องตามมาตรฐานอย. แต่เนื่องจากความผิดพลาดของบรรจุภัณฑ์จึงทำให้เกิดความสงสัยกับผู้บริโภค นอกจากนี้ ทางบริษัทยังถูกเพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่งเขียนโจมตีทำลายให้เกิดความเสียหาย อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทได้ตรวจสอบเพจดังกล่าวแล้วพบว่าผู้ก่อตั้งเพจเคยเป็นคู่ค้ารายใหญ่กับทางบริษัทที่ขัดแย้งกันส่วนตัว จึงไปก่อตั้งเพจดังกล่าวมาโจมตี โดยขณะนี้ทางบริษัทได้แจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีแล้ว ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินคดี
ทั้งนี้ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำผู้เสียหาย พร้อมตรวจสอบหลักฐานต่างๆ เพื่อส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป
+ อ่านเพิ่มเติม