กองปราบฯแถลงจับ 'น้ำมนต์' เจ้าตัวปฏิเสธไม่ได้หลอกลวง แต่แต่งด้วยความรัก ตร.เตรียมขยายผลยึดทรัพย์
logo ข่าวอัพเดท

กองปราบฯแถลงจับ 'น้ำมนต์' เจ้าตัวปฏิเสธไม่ได้หลอกลวง แต่แต่งด้วยความรัก ตร.เตรียมขยายผลยึดทรัพย์

ข่าวอัพเดท : พลตำรวจโทฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยผู้บังคับการปราบปราม แถลงการจับกุม นางสาวจริยาภรณ์ บัวใหญ่ หรือน กองปราบปราม,น้ำมนต์,จริยาภรณ์ บัวใหญ่

28,513 ครั้ง
|
08 ก.ย. 2560
 
พลตำรวจโทฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยผู้บังคับการปราบปราม แถลงการจับกุม นางสาวจริยาภรณ์ บัวใหญ่ หรือน้ำมนต์ หรือพร ผู้ต้องหาที่หลอกลวงผู้เสียหายแต่งงานและเชิดสินสอดไปกว่า 14 ราย มูลค่าความเสียหายตั้งแต่รายละ 1-5 แสนบาท
 
โดยกองปราบปรามใช้หมายจับจากสถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ในข้อหาลักทรัพย์จากบ้านเช่าที่ใช้หลอกเหยื่อมาแต่งงาน 2 ราย ในย่านรังสิต-นครนายก คลอง 3 มาจับผู้ต้องหาได้ในพื้นที่ตำบลกระทุ่มล้ม จังหวัดนครปฐม ในช่วงค่ำของวานนี้ โดยสามารถจับกุมนายกิตติศักดิ์ ตันติวิวัฒน์กุล สามีที่แต่งงานกันในช่วงปี 2558 ที่มีหมายจับฉ้อโกงจากในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีด้วยเช่นกัน ซึ่งในส่วนของนายกิตติศักดิ์ นี้ทำหน้าที่ขับรถพานางสาวจริยาภรณ์เดินทางไปที่ต่างๆ ซึ่งจะเข้าข่ายในการกระทำผิดร่วมกับนางสาวน้ำมนต์หรือไม่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อตรวจสอบว่ามีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ หากพบว่าเข้าข่ายก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาร่วมกระทำผิดด้วย
 
พลตำรวจโทฐิติราชระบุว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น นางสาวจริยาภรณ์ หรือน้ำมนต์ รับสารภาพว่ารู้จักกับนางสาวสร้อยเพชร พาลีวัลย์ ผ่านเพื่อนอีกต่อหนึ่ง ก่อนที่จะขโมยบัตรประชาชนของนางสาวสร้อยเพชรเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว มาเปิดบัญชีธนาคารเพื่อใช้ในการรับโอนเงินค่าสินสอด แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะหลอกผู้ชายให้แต่งงานด้วย
 
ขณะที่นางสาวจริยาภรณ์ หรือน้ำมนต์ ระบุเพียงสั้นๆว่า ไม่ได้หลอกแต่งงานและแต่งงานด้วยความรัก ไม่ได้หลอกลวง โดยทุกคนมีระยะเวลาในการคบหาดูใจ และแต่งงานด้วย 7 รายเท่านั้น ส่วนที่เหลือน่าจะเป็นยอดที่รวมเอาผู้เสียหายจากการฉ้อโกงมากกว่า และขอยืนยันว่ามีธุรกิจผลไม้อยู่จริง พร้อมกันนี้ยังยืนยันกับทีมข่าวว่า พ่อและแม่ไม่มีส่วนรู้เห็นทราบแต่ว่าตนได้เลิกลากับสามีคนเก่าจึงแต่งงานใหม่เพียงเท่านั้น ส่วนรถยนต์กะบะสีดำเป็นการให้มาโดยสมัครใจของนายไพรัตน์ที่นำรถมาให้ในพื้นที่ระยองด้วยตนเอง ไม่ได้ยักยอกทรัพย์มาแต่อย่างใด
 
ด้านการเอาผิดในฐานความผิดฉ้อโกงสินสอด เบื้องต้น พลตำรวจโทฐิติราชระบุว่า กองปราบปรามจะดำเนินการเอาผิดในฐานฉ้อโกงที่เป็นปกติธุระ ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 341 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ซึ่งเป็นฐานความผิดที่สามารถนำไปสู่การยึดทรัพย์ได้ เนื่องพฤติกรรมแบบนี้เชื่อได้ว่าเป็นการจงใจที่จะหลอกลวงผู้เสียหายเพื่อเอาทรัพย์ที่เป็นสินสอด ไม่ใช่การตั้งใจจะแต่งงานเพื่อเป็นสามีภรรยากันตามปกติ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังสามารถยึดรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ แคป สีดำ และรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน ซิลฟี สีขาว ได้ขณะเข้าจับกุม ซึ่งรถกระบะวีโก้สีดำเป็นรถยนต์ของนายไพรัตน์ พึ่งสุข ผู้เสียหายรายที่ 8 ที่โดนหลอกให้แต่งงานและเสียค่าสินสอดจำนวนกว่า 1.8 แสนบาท และเงินร่วมลงทุนทำธุรกิจอีกกว่า 1.2 แสน รวมถึงรถยนต์กระบะคันดังกล่าว ซึ่งผู้เสียหายจะเดินทางมาพร้อมทนายความเพื่อขอรับรถยนต์คืนในวันนี้ด้วย ส่วนรถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน สีขาว เป็นรถยนต์ที่นางสาวจริยาภรณ์ หรือน้ำมนต์ ใช้ในการเดินทางไปกลับบ้านเช่าที่ใช้เป็นเรือนหอที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นรถของใครและเกี่ยวข้องจากการฉ้อโกงหรือไม่
 
เวลาต่อมา นายไพรัตน์ พึ่งสุข หนึ่งในผู้เสียหาย และเป็นเจ้าของรถยนต์กระบะสีดำที่นางสาวน้ำมนต์นำไปใช้ เดินทางมายังกองปราบปรามพร้อมนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ โดยระบุว่า หลังจากแต่งงานในบ้านพักในพื้นที่ปทุมธานีแล้วได้เดินทางกลับไปอยู่ที่บ้านพักของตนเองในจังหวัดเพชรบูรณ์ ก่อนที่นางสาวน้ำมนต์จะขอยืมรถโดยอ้างว่าจะออกไปซื้อของ ก่อนจะหายตัวไปพร้อมรถยนต์ของตนเองและติดต่อไม่ได้ จึงได้เดินทางไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองระยอง เพื่อเอาผิดในฐานยักยอกทรัพย์ ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นจากกองปราบปรามแล้วจะเดินทางไป สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์เพื่อแสดงหลักฐานในคดีที่นางสาวน้ำมนต์นำรถยนต์ของตนเองไปใช้ในการลักทรัพย์จากบ้านเช่าในพื้นที่ปทุมธานีเพื่อความบริสุทธิ์ใจ
 
นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ ระบุว่า ล่าสุดพบผู้เสียหายรายที่ 14 เป็นข้าราชการทหารจากจังหวัดปราจีนบุรี ที่กำลังเดินทางมายังกองปราบปรามเพื่อแจ้งความดำเนินคดีอีกครั้ง ด้านนายวิพล โพธิสุวรรณ หนึ่งในผู้เสียหายที่โดนนางสาวน้ำมนต์ หลอกแต่งงาน ระบุว่าในวันนี้รู้สึกสบายใจที่เจ้าหน้าที่สามารถจับตัวนางสาวน้ำมนต์ได้แล้ว ซึ่งพฤติกรรมของนางสาวน้ำมนต์ ยอมรับว่ามีการใช้มารยาหญิงในการหว่านล้อม เริ่มจากการพูดคุยชักชวนทำธุรกิจ สร้างความรู้สึกมั่นคงก่อนจะขยายความสัมพันธ์มาในเชิงชู้สาวและตนก็ตกหลุมพราง จนโดยเฉพาะคำพูดหวานๆ และการพูดคุยที่เหมือนเป็นห่วงเป็นใย
 
สำหรับนางสาวจริยาภรณ์ หรือน้ำมนต์ ตรวจสอบล่าสุดมีหมายจับจำนวน 5 หมายจับ คือหมายจับลักทรัพย์ในเวลากลางคืน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จังหวัดปทุมธานี, ร่วมกันฉ้อโกง สภ.ท่าใหม่ จังหวัดจันทรบุรี, ยักยอกทรัพย์ สภ.เมืองระยอง จังหวัดระยอง, ฉ้อโกงทรัพย์ สภ.ท่าแซะ จังหวัดชุมพร และฉ้อโกงและปลอมแปลงเอกสาร สภ.วังสะพุง จังหวัดเลย
 
โดยภายหลังการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่กองปราบปรามคุมตัวนางสาวน้ำมนต์พร้อมเชิญนายไพรัตน์ไปยังสถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เพื่อดำเนินการขั้นตอนการยืนยันว่ารถที่นางสาวน้ำมนต์ใช้ในการลักทรัพย์ในพื้นที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์เป็นรถที่ถูกยักยอกมาอีกต่อหนึ่ง เพื่อใช้ในการถอนรถยนต์ออกจากสำนวนคดี