วันนี้ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ1 ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ กับ นายสุเทพ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จากกรณีกรณีสั่งสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ปี 53
โดยศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องนายภิสิทธิ์กับนายสุเทพ เนื่องจากเป็นการสั่งการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี จึงเป็นอำนาจการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งให้ ป.ป.ช.เป็นคนไต่สวน แล้วส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (เหมือนกรณีของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์)
เมื่อศาลมีคำพิพากษาออกมาเช่นนี้ เท่ากับว่าคดีนี้จบแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ผู้เสียหายเคยไปยื่นคำร้องให้ ป.ป.ช.ไต่สวนในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแล้ว ซึ่ง ป.ป.ช.ก็มีมติเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2558 ให้คำร้องตกไป เนื่องจากปฏิบัติการสลายการชุมนุม ทำตามหลักสากล จากเบาไปหาหนัก ประกาศเตือนก่อน และการชุมนุมดังกล่าวไม่ได้เป็นการชุมนุมโดยสงบตาม รธน.
นายสุเทพ กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นสมัยที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ซึ่งได้สั่งฟ้องคดี เนื่องจากเห็นว่ามีการใช้อาวุธสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ตัวเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ด้วย เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ ได้มอบหมายให้ตัวเองเป็นผู้อำนวย แก้ไขปัญหาด้วยความเรียบร้อย และคดีนี้ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ ได้มีคำสั่งยกฟ้องไม่รับสำนวนไว้พิจารณา เนื่องจากเป็นอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.
ส่วนกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำนปช. ยื่นคำร้องถึง ป.ป.ช. ให้นำคดีนี้พิจารณาขึ้นมาใหม่ เห็นว่า นายณัฐวุฒิ จ้องเล่นงานตัวเองอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร อโหสิกรรม
ข้อมูลบางส่วนจาก ข่าวสด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+ อ่านเพิ่มเติม