สำนักข่าว The Sun เผยแพร่ภาพถ่ายชวนสะกดสายตาจากแคมเปญปลุกจิตสำนึกเกี่ยวกับ เด็กผิวเผือก หรือคนที่เกิดมาพร้อมความผิดปกติทางพันธุกรรมที่เรียกว่า โรคผิวเผือก (albinism) หลังพบว่าในประเทศแทนซาเนียคนกลุ่มนี้มักจะถูกฆ่าตายตั้งแต่เกิดจากความเชื่อว่าเป็นพ่อมดแม่มด และยังถูกนำชิ้นส่วนของร่างกายไปใช้ในทางไสยศาสตร์หรือพิธีมนต์ดำอีกด้วย
ภาพถ่ายมีชีวิตเหล่านี้เป็นฝีมือการลั่นชัตเตอร์ของ Marinka Masséus ช่างภาพชาวดัตช์ หลังตัดสินใจเดินทางไปเยือนแทนซาเนียและได้สัมผัสกับเรื่องราวชวนหดหู่ใจ จนนำมาสู่การสร้างสรรค์งานศิลปะเพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมกันในสังคมครั้งนี้
แต่ความกลัวและความเชื่อเรื่องลี้ลับที่หยั่งรากลึกในสังคมแทนซาเนีย ทำให้หญิงสาวจำนวนมากที่ให้กำเนิดทารกออกมามีผิวเผือกต้องยินยอมให้คนสังหารลูกของตัวเองตั้งแต่เกิด เพราะถ้าหากขัดขืนเธอและลูกจะกลายเป็นเพียงสวะที่ไม่มีใครต้องการในสังคม ทั้งยังต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัวจนกว่าจะหมดลมหายใจ
ย้อนไปเมื่อเดือนธันวาคมปี 2014 Pendo Emmanuelle เด็กหญิงวัย 4 ปี ถูกพรากไปจากอกแม่ จนถึงตอนนี้ตำรวจก็ยังหาร่างของเด็กคนนี้ไม่พบ ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 Yohan Bahati ทารกเพศชายวัยเพียง 18 เดือน ถูกลักพาตัวไปจากบ้านก่อนจะพบว่าถูกฆ่าตาย หลังแม่ของเขาพยายามจะปกป้องลูกจนตัวเองก็ได้รับบาดเจ็บ
จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน ทางรัฐบาลแทนซาเนียกำลังพยายามที่จะลดอิทธิพลของพวกหมอผี ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ของความเชื่อเรื่องโชคลางของชาวบ้าน นอกจากนี้ยังร่วมมือกับบริษัทผลิตครีมกันแดดให้ผลิตสินค้าคุณภาพสูงสำหรับเด็กที่มีความพิเศษกลุ่มนี้เพื่อให้รอดชีวิตจากการป่วยเป็นมะเร็งผิวหนัง
ช่างภาพสาวยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงในดินแดนแห่งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่มันยังไม่มากพอ เพราะยังมีเด็กผิวเผือกอีกมากถูกสังหารอย่างทารุณโดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทอันห่างไกล ส่วนใครที่รอดมาได้ก็ต้องแยกตัวออกจากสังคมเพื่อไม่ให้ถูกล่า แต่การแยกเด็กพวกนี้ออกมาไม่ใช้หนทางแก้ปัญหาที่แท้จริง แต่ต้องทำให้พวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและได้รับการยอมรับว่ามีคุณค่าในตัวเอง ไม่ควรที่จะต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ ถูกรังเกียจและดูหมิ่นจากความผิดปกติที่เลือกไม่ได้
เจ้าของโปรเจคครั้งนี้ยังบอกอีกด้วยว่า เธอตั้งใจรังสรรค์ภาพถ่ายให้ออกมาดึงหัวใจคนมองให้ได้สัมผัสกับความงดงามของเด็กผิวเผือกที่ถูกตราหน้าว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมในสังคม ส่วนที่นำพวกเขามาถ่ายภาพร่วมกับเด็กผิวดำ ก็เพื่อจุดประกายความหวังและกระตุ้นการยอมรับจากสังคมว่าให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ไม่ว่าจะเกิดมาในสภาวะใดก็ตาม