จากกรณีได้มีกล่องผลิตภัณฑ์ขนมช็อคโกแลตระบุหน้าภาพกล่องเป็นวัดร่องขุ่นและจำหน่ายด้วยชื่อวัดร่องขุ่น จนทำให้อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ผู้สร้างศิลปะวัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย ได้ออกมาระบุว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ทางศิลปะและเป็นการทำที่ไม่เหมาะสมเพราะนำศิลปะไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวทางธุรกิจนั้น
ล่าสุด นายเศวต เศวตสมภพ กรรมการอาวุโส บริษัทชิโน-แปซิฟิค เทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเดินทางไปพบอาจารย์เฉลิมชัยที่วัดร่องขุ่น โดยนายเศวตและเจ้าหน้าที่บริษัทได้กล่าวขอโทษอาจารย์เฉลิมชัย พร้อมระบุว่ากระทำลงไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะบริษัทได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชนิดนี้มานานแล้ว โดยใช้ภาพที่บ่งชี้ถึงวัฒนธรรมไทยจึงได้นำภาพวัดร่องขุ่นที่มีความงดงามไปประกอบกล่องสินค้าดังกล่าว
โดยนายเศวต กล่าวต่อว่า บริษัทของตนประกอบการในลักษณะครอบครัวมานานกว่า 40 ปีตั้งแต่รุ่นปู่แล้ว โดยนำเข้าและจำหน่ายสินค้าในลักษณะเดียวกันเพราะมีปรัชญาของบริษัทในการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและคืนสู่สังคม และในช่วง 10 ปีหลังสุดมานี้ได้ใช้ภาพผ้าไหมมัดหมี่ของไทยประกอบ กระทั่งล่าสุดฝ่ายการตลาดของบริษัทก็เห็นว่าภาพวัดร่องขุ่นมีความงดงามและบ่งบอกถึงวัฒนธรรมไทยเช่นกัน รวมทั้งเห็นว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆก็ทำกัน จึงได้ซื้อภาพมาจากเวปไซต์ที่จำหน่ายภาพดังกล่าวมาประกอบผลิตภัณฑ์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งภายหลังถึงทราบว่าลิขสิทธิ์นั้นครอบคลุมเฉพาะภาพนั้นๆ แต่ไม่ได้ครอบคลุมถึงความเป็นศิลปะตามที่อาจารย์เฉลิมชัยได้แจ้งดังกล่าวด้วย
ดังนั้น ภายหลังได้พบกับอาจารย์แล้วได้สั่งให้เก็บสินค้าในตลาดทั้งหมดซึ่งได้วางจำหน่ายอยู่ประมาณ 8,000 กล่อง ส่วนที่ติดอยู่กับตามแผงก็แจ้งให้ร้านต่างๆ ทราบว่าไม่สามารถจำหน่ายได้เพราะจะได้นำไปทำลายต่อไป
จากนั้น อาจารย์เฉลิมชัยได้ตำหนิการกระทำดังกล่าว และกล่าวสั่งสอนเรื่องเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และความเคารพต่อศิลปะแล้ว ก็ได้ให้อภัยทุกอย่าง ซึ่งทางนายเศวตและเจ้าหน้าที่บริษัทรับจะนำเงินรายได้ไปบริจาคเพื่อสาธารณกุศล ซึ่งอาจารย์เฉลิมชัยได้ประสานโรงเรียนการศึกษาคนตาบอดแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อให้ไปรับเงินบริจาคจากบริษัทเป็นเงินจำนวน 500,000 บาท ทำให้เรื่องราวดังกล่าวได้ข้อยุติในที่สุด
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า กรณีจะมีการนำภาพศิลปะวัดร่องขุ่นไปใช้ประโยชน์นั้นสามารถทำได้แต่ต้องไปปรึกษาหารือกับตนเสียก่อน โดยที่ผ่านมาก็มีหลายรายที่นำผลิตภัณฑ์ของตนไปปรึกษา ซึ่งหากว่ามีการนำไปช่วยเหลือด้านสาธารณกุศลหรือไม่มุ่งผลประโยชน์เข้าตัวเองตนก็ไม่ได้ห้ามปรามเลย แต่ถ้านำไปใช้ทางธุรกิจฝ่ายเดียวซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหาย เพราะที่ผ่านมาศิลปะของตนสร้างขึ้นเพื่อสาธารณะทุกคนได้ประโยชน์ร่วมกัน แต่กรณีนี้ตนได้ไปสอบถามที่ร้านค้าแห่งหนึ่งหลังมีการเก็บผลิตภัณฑ์ไปแล้วกลับมีคนถามหาซื้ออีก เพราะคิดว่าเป็นของวัดร่องขุ่นและคิดว่าวัดร่องขุ่นทำธุรกิจเช่นนี้ แต่เมื่อได้แก้ไขและร่วมบริจาคทานเช่นนี้แล้วก็ให้อภัยหมดทุกอย่าง
+ อ่านเพิ่มเติม