ชาวนาเมืองกรุงเก่า 3 อำเภอ ไม่สนคำเตือนของชลประทาน ฝ่าฝืนทำนาล่วงหน้ารวมแล้วกว่า 1 แสนไร่ ขณะนี้ตกอยู่ในสภาวะขาดแคลนน้ำอย่างหนัก ข้าวบางแปลงยืนต้นตาย บางรายต้องซื้อน้ำทำนา บางรายต้องแย่งน้ำถึงขั้นวางมวยกันแล้ว
เพียงเข้าสู่ต้นๆ ฤดูร้อนก็เริ่มปัญหาขาดแคลนน้ำซึ่งส่อเค้าจะส่งผลกระทบรุนแรง แต่ชาวนาส่วนใหญ่ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เร่งหว่านข้าวทำนากันแล้วทั้งที่สำนักชลประทาน ร้องขอให้หยุดทำนาชั่วคราวด้วยเหตุผลต้นทุนน้ำมีน้อย แต่ชาวนาส่วนใหญ่ไม่สนคำเตือน โดยในส่วนทิศตะวันออกของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาใน 3 อำเภอ ได้แก่ นครหลวง ภาชี และ อำเภออุทัย ทำนาล่วงหน้ากันไปแล้วเกือบ 1 แสนไร่ ทำให้ขณะนี้อยู่ในสภาวะขาดแคลนน้ำอย่างหนัก นาข้าวบางแปลงยืนต้นตายไปแล้วนับสิบไร่เพราะขาดน้ำถึงขนาดชาวนาต้นน้ำและปลายน้ำในตำบลหนองปลิง อำเภอนครหลวง เปิดศึกแย่งน้ำกันถึงขั้นวางมวยชกต่อยแย่งน้ำกันกลางทุ่งนาเพื่อนๆชาวนาต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยปรับทำความเข้าใจกันโกลาหล
ขณะนี้พบว่าชาวนาที่ตำบลปากจั่น อำเภอนครหลวง จำนวนมากกำลังขาดแคลนน้ำอย่างหนักถึงขนาดต้องซื้อน้ำทำนาในราคาไร่ละ 200-400 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้ใกลจากแหล่งน้ำที่สูบคือแม่น้ำป่าสัก และ อายุของต้นข้าว หากต้นข้าวของชาวนา อายุ 1 เดือน ต้องใช้น้ำมาก และใช้น้ำอีกหลายวัน อีกทั้งอยู่ไกลจากแม่น้ำป่าสัก ราคาค่าน้ำทำนาจะอยู่ที่ไร่ละ 400 บาท หากอยู่ใกล้ราคาจะลดตามลงไป หากต้นข้าวที่มีอายุใกล้เก็บเกี่ยว ราคาค่าน้ำจะอยู่ที่ไร่ละประมาณ 200 บาท ทำให้เพิ่มต้นทุนการทำนาขึ้นอีกกว่า 10-20 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อเก็บเกี่ยวข้าวได้มายังไม่รู้ว่าจะคุ้มกับเงินที่ลงทุนไปหรือไม่ แต่ชาวนาบอกว่าต้องฝืนใจทำนาเพราะไม่รู้จะไปทำอะไร ปีที่แล้วเปลี่ยนไปปลูกข้าวโพดก็ขาดทุนไปนับหมื่นบาท ทำให้ปีนี้ไม่มีใครกล้าไปปลูกพืชทดแทนกลัวขาดทุนอีก
+ อ่านเพิ่มเติม