สำนักข่าว mirror นำเสนอเรื่องราวน่าสนใจถึงปริศนารอยสักบนใบหน้าของหญิงสาวในชนเผ่าชินที่อาศัยอยู่ในเมืองมีนดะ รัฐชิน ประเทศเมียนมา รวมทั้งการเจาะรูติ่งหูให้ใหญ่ยักษ์นั้น ทำไปก็เพื่อป้องกันการถูกคนลักพาตัว เพราะพวกเธออัปลักษณ์มากเกินไป
ภาพของเหล่าสตรีสูงวัยกลุ่มสุดท้ายของชนเผ่าแห่งนี้ แสดงให้เห็นรอยสักบนใบหน้าซึ่งเป็นไปตามประเพณีโบราณที่ปัจจุบันถือเป็นความป่าเถื่อน สืบเนื่องจากเวลายาวนานนับศตวรรษผู้หญิงในพื้นที่อันห่างไกลของเมียนมาโดยเฉพาะตามเชิงเขา จะถูกบังคับให้สักใบหน้าและสวมต่างหูขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ว่าจะทำให้พวกเธอไม่ได้รับความสนใจจากคนร้ายที่หวังจะลักพาตัวหรือไม่ต้องกลายเป็นนางสนมของกษัตริย์เมียนมาในยุคนั้น แต่ปัจจุบันประเพณีนี้ได้สิ้นสุดลงแล้วเป็นผลมาจากข้อห้ามของรัฐบาล เพราะมองว่าเป็นการกระทำที่โหดร้าย จึงทำให้ตอนนี้เหลือเพียงผู้สูงอายุเท่านั้นที่มีรอยสักอยู่บนใบหน้า
ด้าน Teh Han Lin ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ ซึ่งเป็นผู้ลั่นชัตเตอร์ตามเก็บภาพวิถีชีวิตของคนในหมู่บ้าน ขณะเดินทางท่องเที่ยวเมียนมาครั้งล่าสุด หลังต้องทำงานวิจัยเกี่ยวกับชนเผ่าของเมียนมาและได้ค้นพบข้อมูลที่น่าสนใจของชนเผ่าชิน ซึ่งจากการลงพื้นที่จริงเขาก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่แตกต่างกันของคนในหมู่บ้านเกี่ยวกับประเพณีต้องห้าม ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่พบว่าในกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยก็ยังคงฝึกฝนการสักลายบนใบหน้าต่อไป
สำหรับที่มาของรอยสักนี้จะมาจากการใช้หนามผสมกับน้ำดีวัว พืชและไขมันสัตว์ โดยขั้นตอนที่เจ็บปวดมากที่สุด จะเป็นช่วงที่ถูกสักลงบนเปลือกตา ซึ่งการสักในแต่ละครั้งก็กินเวลานานนับวันหรืออาจจะขยายไปถึง 2 วันก็เป็นได้ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของลวดลาย โดยหลังจากนั้นจะต้องใช้เวลาพักฟื้นร่างกายอีกประมาณ 2 สัปดาห์