นายกฯขอม็อบชุมนุมยึดสันติ อย่าใช้วิธีปิดจราจร ตัดน้ำตัดไฟ ส่งผลกระทบความเชื่อมั่น บอกรัฐบาลเตรียมแผนปกปัองพระนคร ด้วยความอดทนอดกลั้น ไม่ใช้ความรุนแรง ย้ำใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะเป็นทางเลือกสุดท้าย วอนหันหน้าคุยผ่านเวทีปฏิรูป
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมอวยพรปีใหม่ เจ้าหน้าที่กองพันควบคุมฝูงชนที่ประกอบด้วยตำรวจ 12 กองร้อย ทหารเรือ 1กองร้อย ทหารบก 1กองร้อย รวม14 กองร้อย ที่มาปฏิบัติหน้าดูแลความสงบเรียบร้อยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ตามประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยนายกฯ ขอบคุณกำลังพลที่ช่วยกันดูแลสนามบินแห่งนี้ เพราะเป็นจุดสำคัญของราชการที่มีประชาชนทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก จึงต้องดูแลเป็นพิเศษเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า สนามบินมีความปลอดภัยและถือเป็นภารกิจหลักที่ต้องดูแล ขณะที่ตัวแทนกำลังพล กล่าวให้กำลังใจและสนับสนุนนายกฯ ในการทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี และปกป้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ทั้งนี้ นายกฯยอมรับว่าเป็นห่วงสถานการณ์การชุมนุมที่มีการประกาศชัตดาวน์กรุงเทพในวันที่ 13 ม.ค.นี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง โดยเฉพาะหากไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในหลักสันติวิธีได้ ก็อาจทำให้เหตุการณ์รุนแรงและบานปลาย จึงอยากขอร้องผู้ชุมนุม อย่าใช้วิธีปิดการจราจร ปิดสถานที่ราชการหรือใช้วิธีตัดน้ำตัดไฟ เพราะจะส่งผลกระทบต่อการบริหารประเทศ โดยเฉพาะการตัดน้ำตัดไฟบ้านพักของตนเองหรือรัฐมนตรี เพราะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และไม่ได้ทำให้การบริหารงานเปลี่ยนแปลงไปได้ ทั้งนี้ นายกฯเผยว่า เริ่มมีหลายประเทศส่งสัญญาญเตือนมาแล้ว หากในอนาคตเราไม่สามารถจัดการเลือกตั้งและทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้ ก็จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนและภาวะเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้ พร้อมยืนยันว่ายังไม่มีความคิดที่จะนำพ.ร.ก.ฉุกเฉินมาควบคุมม็อบเพราะไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น แต่จะใช้การบูรณาการระหว่างตำรวจกับทหารในการดูแลความปลอดภัยและปกป้องพื้นที่ สถานที่ราชการ ด้วยความละมุนละม่อม อดทนอดกลั้น เพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า โดยการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะเป็นทางเลือกสุดท้ายของรัฐบาล
พร้อมกันนี้ นายกฯยังขอร้องผู้ชุมนุมให้หันมาร่วมกันหาทางออกประเทศโดยผ่านเวทีสภาปฏิรูป ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า โดยรัฐบาลพร้อมให้ความร่วมมือภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สามารถนำความเห็นที่แตกต่างกันในอดีตมาแลกเปลี่ยนกันในเวที ซึ่งยืนยันว่าจะเป็นเวทีที่เป็นกลาง รวมทุกกลุ่มมาพูดคุยกันเพื่อการปฏิรูปประเทศไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง
+ อ่านเพิ่มเติม