ช่วยชายวัย 79 จะผูกคอตายทัน หลังเครียดเทศบาลลำปางฟ้องไล่ที่ ผู้นำชุมชนเผยคนมีฐานะรุกที่รัฐกลับไม่โดน
logo ข่าวอัพเดท

ช่วยชายวัย 79 จะผูกคอตายทัน หลังเครียดเทศบาลลำปางฟ้องไล่ที่ ผู้นำชุมชนเผยคนมีฐานะรุกที่รัฐกลับไม่โดน

12,561 ครั้ง
|
21 ธ.ค. 2559
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เทศบาลนครลำปาง และชาวบ้านชุมชนสิงห์ชัย ถ.เม็งราย ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง ได้เข้าระงับเหตุคนผูกคนตายบริเวณใต้ต้นโพธิ์หน้าบ้านหลังหนึ่งในชุมชน 
 
     โดยผู้ที่ก่อเหตุเป็นชายอายุ 79 ปี ในมือถือเชือกไนล่อนสีเขียวยืนติดกำแพงรั้วใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ โดยมีลูกสาว พร้อมชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจเกลี้ยกล่อมเพื่อให้ยอมออกมาจากบริเวณดังกล่าว ซึ่งใช้เวลากว่า10 นาที ชายคนดังกล่าวเริ่มคลายความตึงเครียด และยอมให้คนเข้าไปหาและได้นำเชือกออกมา และพาตัวเดินมานั่งพักบริเวณหน้าบ้าน 
 
     จากการสอบถามลูกสาวของชายคนดังกล่าว ทราบว่า บ้านที่พวกตนอยู่นั้น เทศบาลนครลำปางยื่นฟ้องขับไล่และศาลจังหวัดลำปางมีคำพิพากษา ว่าพ่อมีความผิด 1.ฐานเข้าไปยึดครอบครองที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันจำนวนพื้นที่ 19.3 ตร.ว.  และเป็นที่ดินของรัฐซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลของเทศบาลนครลำปาง 2.ฐานก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยกระทำเองเพิ่มโทษอีกกึ่งหนึ่ง 3.ฐานฝ่าฝืนคำสั่งไม่รื้อถอนอาคารตามเจ้าพนักงานท้องถิ่นเพิ่มโทษอีกกึ่งหนึ่ง  รวมโทษจำคุก 12 เดือน และปรับ 7,000 บาท โดยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือ 6 เดือน และปรับ 3,500  บาท พิเคราะห์จากรายงานการสืบเสาะและพินิจแล้วไม่ปรากฎว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อนและจำเลยเคยเป็นลูกจ้างของเทศบาล เคยอยู่อาศัยที่พิพาทมาก่อนแต่เกษียณอายุราชการแล้ว โทษจำคุกให้รอมีกำหนด 2 ปี  และให้จำเลยชำระค่าปรับ (ตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.57-30 เม.ย.58) เป็นเงิน 25,500 บาท และปรับอีกวันละ 100  บาทนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. 58 เป็นต้นไปจนกว่าจะปฎิบัติตามคำสั่ง
 
     ซึ่งจากคำพิพากษาดังกล่าว ทำให้ตนต้องหยิบยืมเงินเพื่อชำระค่าปรับ และต้องขนย้ายข้าวของออกไปอยู่ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง ซึ่งคนรู้จักต่างร่วมสมทบเงินเป็นค่าเช่า 4,000 บาทให้ก่อน ทำให้คุณพ่อซึ่งเป็นความดันและโรคหัวใจเริ่มมีอาการเครียดหนักขึ้น จนช่วงเช้าได้หายออกจากบ้านไป และมีคนโทรศัพท์แจ้งว่าพ่อจะผูกคอตายที่บ้านเดิมดังกล่าว
 
     ขณะที่นางจุรีย์ ยิ้มอ่อน ประธานชุมชนบ้านสิงห์ชัย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ชาวบ้านในชุมชนได้มีการทำประชาคมหมู่บ้านกันแล้ว โดยเสียงส่วนใหญ่ต้องการให้เทศบาลให้อยู่ที่เดิม เพราะครอบครัวนี้อยู่มานานกว่า 70 ปีแล้ว และพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่ได้กีดขวางทางใดๆอย่างที่มีคนร้องเรียน ประกอบพื้นที่ดังกล่าวแม้ครอบครัวนี้ย้ายออกก็ไม่สามาระนำมาใช้ประโยชน์ใดๆได้ เนื่องจากแวดล้อมด้วยบ้านของประชาชนทั้งหมด และเทศบาลก็ไม่เคยมาใช้ประโยชน์ใดๆ และที่น่าแปลกใจคือบริเวณใกล้กันยังมีบ้านของชาวบ้านคนอื่นๆที่มีฐานะดีกว่าและอยู่ในพื้นที่สาธารณประโยชน์เช่นกัน แต่ทำไมเทศบาลนครลำปางถึงไม่ดำเนินการใดๆ ทำไมถึงมาดำเนินการกับครอบครัวที่มีรายได้จากเงินเลี้ยงชีพผู้สูงอายุเดือนละ 700 บาทและลูกสาวทำงานรับจ้างวันละ 130 บาท เท่านั้น
 
    เบื้องต้นหลังเหตุการณ์สงบ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ประธานชุมชนพาตัวชายคนดังกล่าวไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองลำปาง พร้อมกำกับลูกสาวให้ดูแลพ่ออย่างใกล้ชิดเกรงจะหวนกลับมาและคิดสั้นเป็นรอบที่สอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง