ฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 รอบชิงชนะเลิศนัดแรก ที่สนามปากันซารี สเตเดียม ประเทศอินโดนีเซีย เจ้าบ้าน อินโดนีเซียชุดสีแดง ลงสนามรับมือกับช้างศึก ทีมชาติไทยชุดสีน้ำเงิน ซึ่งรอบแรกทั้ง 2 ทีมเคยเจอกันมาแล้วนัดเปิดสนาม ซึ่งไทยเอาชนะอินโดนีเซียได้ 4-2
เกมนี้อัลเฟรด รีเดิล กุนซืออินโดนีเซียจัดทีมระบบ 3-4-2-1 คูร์เนีย ไมก้า เฝ้าเสา กองหลังฟารุดดิน อาร์ยานโต้ , บายู ปราดรานา , ฮันซามู ปรานาตา วิงแบ๊ก 2 ข้าง เบนนี วะห์ยูดี และ อับดุล เลสตาลูอู คู่กองกลางใช้สเตฟาโน ลิลิปาลีย์ กับ มาฮานาต เลสตูเซน ฝั่งขวาอันดิค เวอร์มันซาห์ ซ้ายเป็นริซกี้ โปรา กองหน้าเป้าโบอาส โซลอสซ่า
ด้านฝั่งทีมเยือน 'ซิโก้' เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง จัดทีมระบบ 4-3-3 ผู้รักษาประตูกวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ คู่เซ็นเตอร์กรวิทย์ นามวิเศษ คู่กับ อดิศร พรหมรักษ์ แบ๊กขวาทริสตอง โด แบ๊กซ้ายธีราทร บุญมาทัน กองกลาง 3 คนปกเกล้า อนันต์ , สารัช อยู่เย็น ชนาธิป สรงกระสินธ์ ซ้าย-ขวา เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ , ศราวุฒิ มาสุข กองหน้าเป้ากัปตันทีม ธีรศิลป์ แดงดา
เริ่มเกมนาทีที่ 7 ไทยเกือบได้ประตูขึ้นนำ ริซกี้ โปรา จ่ายบอลคืนหลังพลาด ชนาธิป สรงกระสินธ์ถึงบอลก่อนยิงบอลสวนตัวผู้รักษาประตูอินโดนีเซีย บอลหลุดออกหลัง
นาที 14 ไทยมีโอกาสอีกครั้ง ธีราทร บุญมาทันเปิดบอลลึกมาที่เสาสองกรวิทย์ นามวิเศษโหม่งตั้งให้กับ ศราวุฒิ มาสุข วอลเล่ย์แต่บอลเชิดข้ามคานไปไกล
นาที 17 โอกาสยิงครั้งแรกของเจ้าบ้าน สเตฟาโน ลิลิปาลีย์ ลุยมาคนเดียวก่อนยิงไกลบอลออกหลังแบบไม่ได้ลุ้น
นาทีที่ 20 เจ้าบ้านต้องเปลี่ยนตัวผู้เล่นเนื่องจากอาการบาดเจ็บของอันดิค เวอร์มันซาห์ เล่นต่อไม่ไหวต้องเปลี่ยนตัวออกและเอาซุลฮาม ซัมรูน ลงสนามมาเล่นแทน
เกมนี้ทีมไทยค่อนข้างที่จะเล่นยากไม่เหมือนนัดแรกเพราะอินโดนีเซียเปลี่ยนแผนมาวิ่งเข้าใส่และเข้าบอลกันเร็วกันทุกคน ทำให้การคอนโทรลบอลไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร
เกมผ่านครึ่งชั่วโมงไทยเริ่มครองเกมได้พักใหญ่ กระทั่งนาทีที่ 33 ไทยมาได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ธีราทร บุญมาทัน ครอสบอลโด่งจากฝั่งซ้ายเข้ากรอบเขตโทษ ธีรศิลป์ แดงดา ล้มตัวโหม่งบอลพุ่งเสียบมุมชนิดสุดปัญญาของผู้รักษาประตูคูร์เนีย ไมก้า เป็นประตูที่ 6 ของเจ้ามุ้ยและนำดาวซัลโวแบบเดี่ยวๆ ทีมไทยออกนำ 1-0
หลังจากที่เสียประตู เจ้าบ้านอินโดนีเซียพยายามตอบโต้โบอาส โซลอสซ่า ได้จังหวะซัดด้วยขวาบอลเข้าหน้าต่าง
ท้ายเกมนาที 40 จังหวะเข้าทำของทีมไทยเริ่มต่อเนื่องทริสตอง โด เติมขึ้นมาผ่านบอลเรียดเข้าเขตโทษ ชนาธิป สรงกระสินธ์จับบอลด้วยขวา ก่อนยิงด้วยซ้าย บอลไปตรงตัวของคูร์เนีย ไมก้ารับไว้ได้
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีฝั่งไหนทำประตูเพิ่มได้ จบครึ่งแรกช้างศึกบุกนำอินโดนีเซีย 1-0
เริ่มครึ่งหลังได้ 3 นาที ปกเกล้า อนันต์ เลี้ยงบอลจากฝั่งขวาแหวกกองหลังอินโดนีเซียเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่คูร์เนีย ไมก้า ผู้รักษาประตูออกมาตัดบอลจังหวะสุดท้ายไว้ได้ทัน
อินโดนีเซียเริ่มเข้าบอลหนักขึ้น มีจังหวะติดดาบใส่ผู้เล่นไทยหลายครั้ง แต่ผู้ตัดสินชาวญี่ปุ่นยังใจดี ไม่แจกใบเหลืองให้แต่อย่างใด
10 นาทีของครึ่งหลัง ไทยคุมเกมแดนกลางได้ดีกว่าอย่างชัดเจน จังหวะเกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์หลุดเข้าไปเปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษ บอลน้ำหนักเบาไปเข้ามือของคูร์เนีย ไมก้า
นาที 62 จากจังหวะที่อินโดนีเซียจ่ายบอลพลาด ตรงกลาง ทีมไทยตัดบอลได้ ทะลุขึ้นหน้าประตูธีรศิลป์ แดงดา จ่ายบอลให้ ศราวุฒิ มาสุข แปบอลด้วยขวาเสาแรก คูร์เนีย ไมก้าปัดบอลออกไปได้ปลายมือ
นาที 65 แฟนบอลเจ้าบ้านกว่า 30,000 คนได้เฮกันลั่นสนาม เมื่ออินโดนีเซียมาได้ประตูตีเสมอ จากลูกยิงไกลด้วยซ้ายของริซกี้ โปรา บอลแฉลบหลังทริสตอง โด เปลี่ยนทางเข้าประตู เจ้าบ้านตีเสมอ 1-1
ทีมชาติไทยแก้เกมด้วยการเปลี่ยนตัวเอาเกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ออก และส่งพีระพัฒน์ โน้ตชัยยาลงแทน
นาทีที่ 69 อินโดนีเซียเกือบได้ประตูขึ้นนำอย่างที่สุด ซุลฮาม ซัมรูน ทำชิ่งกับโบอาส โซลอสซ่า ก่อนที่ซัมรูนยิงด้วยซ้ายบอลแฉลบผู้เล่นไทยหลุดเสาไปนิดเดียว และจากจังหวะต่อเนื่องลูกเตะมุมโบอาส โซลอสซ่า เปิดลูกเตะมุมเข้ามา ฮันซามู ปรานาตา โหม่งบอลย้อยๆ เข้าประตู เจ้าบ้านอินโดนีเซียพลิกขึ้นนำไทย 2-1
นาที 73 ไทยเปลี่ยนตัว สิโรจน์ ฉัตรทอง ลงแทนศราวุฒิ มาสุข
นาที 80 ไทยเปลี่ยนตัวคนสุดท้ายเอาชาริล ชัปปุยส์ลงเล่นแทน ปกเกล้า อนันต์
ช่วง 10 นาทีสุดท้ายไทยเร่งเครื่องเข้าใส่ นาที 85 ธีราทร บุญมาทันเปิดลูกเตะมุมเข้ามาสิโรจน์ ฉัตรทองขึ้นโหม่งบอลแฉลบผู้เล่นอินโดฯออกหลัง แต่กรรมการให้เป็นลูกตั้งเตะของอินโดนีเซีย
นาที 90 จากจังหวะสวนกลับ เฟอร์ดินานด์ อัลเฟรด โยกหลอกอดิศร พรหมรักษ์ ก่อนยิงด้วยซ้าย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ปัดบอลออกมาเข้าทางของ เลอร์บี โหม่งซ้ำแต่บอลตรงตัวของกวินทร์รับเอาไว้ได้
ช่วงเวลาที่เหลือทีมชาติไทยไม่สามารถตีเสมอได้ จบเกมเจ้าบ้านอินโดนีเซียเอาชนะทีมชาติไทยไปได้ก่อน 2-1 โดยนัดที่ 2 ทีมไทยจะกลับไปเล่นในบ้านที่สนามราชมังคลากีฬาสถานในวันที่ 17 ธันวาคมนี้เวลา 19.00 น.
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊กเพจ : ฟุตบอลทีมชาติไทย