ตำรวจชี้ชัด น้องก้อยอดีตลูกจ้างหญิงไก่ ไม่ได้เดินเข้าห้องเอาทรัพย์สินออกมาแน่นอน หลังเข้าจำลองสถานการณ์จากสถานที่เกิดเหตุจริง
พลตำรวจตรีเจริญ ศรีศศลักษณ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 พร้อมด้วยพันตำรวจเอกชาคริต สวัสดี รองผู้บังคับการกองปราบปราม เดินทางมาที่คอนโดแห่งหนึ่ง ย่านประชานิเวศน์ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่หญิงไก่ นายจ้างอ้างว่าภาพวงจรปิดสามารถจับภาพนางสาวประภาวรรณ ใจกล้า หรือ น้องก้อย ขณะนำทรัพย์สินออกจากห้องพัก โดยถือกระเป๋าเดินทางออกมาจากบันไดหนีไฟ และในลิฟท์ พันตำรวจเอก ชาคริต กล่าวว่า จากการจำลองที่จุดเกิดเหตุได้วัดระยะจากลิฟท์ไปยังห้องพัก ใช้เวลา 1 นาที 30 วินาที สอดคล้องกับเวลาในกล้องวงจรปิด ทางตำรวจเชื่อว่าไม่มีเวลาที่สามารถเข้าไปลักทรัพย์สินภายในห้องได้ ส่วนภาพวงจรปิดที่บริเวณบันไดหนีไฟ ที่นายจ้างหญิงดังกล่าวอ้างอีกว่าน้องก้อยนำทรัพย์สินออกไปนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่ปฎิเสธไม่ได้ว่าทรัพย์สินที่มีการแจ้งความไว้ คือทองคำ 400 บาท และเงินสดอีก 3 ล้านบาท น้ำหนักรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10 กิโลกรัม ซึ่งหากจะนำออกไปจริงก็น่าจะเป็นการใช้กระเป๋าลากเพื่อทุ่นแรง แต่ภาพที่เห็นน้องก้อยสะพานกระเป๋าออกมานั้นลักษณะของกระเป๋าไม่น่าจะมีน้ำหนักถึง 10 กิโลกรัม ส่วนข้อพิรุธพบว่าการเกิดทั้งคดีของครอบครัวน้องก้อย และคดีของนางสุกัญญา ศิริม่วงนั้น มักจะมีผู้นำทรัพย์ที่มีการแจ้งความไว้มาวางคืนที่ด้านหน้าห้องพักภายในคอนโดดังกล่าว
ซึ่งจากนี้พนักงานสอบสวนก็จะต้องมีการตรวจสอบย้อนหลังว่าใครเป็นผู้นำทรัพย์สินมาวางไว้ ขณะที่การตรวจหนังสือเดินทางของหญิงไก่ ที่ระบุว่าเป็นหนังสือเดินทางของข้าราชการขณะนี้พนักงานได้ประสานไปยังกระทรวงต่างประเทศว่าหนังสือเดินทางดังกล่าวออกมาได้อย่างไร เบื้องต้นจากการตรวจสอบหญิงไก่ ไม่ใช่ข้าราชการ สำหรับในส่วนการตรวจสอบกรณีที่หญิงไก่ส่งคนไปทำงานที่ต่างประเทศ ซึ่งอาจจะเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่นั้น ขณะนี้การสอบสวนยังไม่ไปถึงเรื่องการค้ามนุษย์
ด้านพลตำรวจตรีเจริญ ระบุว่า ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้ดำเนินคดีไปตามขั้นตอนที่มีผู้เสียหายมาแจ้งความว่าถูกขโมยทรัพย์ และได้มีการสอบปากคำพยาน และออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหามาพบแต่ผู้ต้องหาก็ไม่ได้มีการติดต่อเข้าพบจึงได้มีการออกหมายจับ แต่ในส่วนคดีของนางสุกัญญา ที่ได้เดินทางมาพนักงานสอบสวนและได้มีการรับสารภาพจึงได้ถูกคุมขัง
+ อ่านเพิ่มเติม