ยกฟ้อง "หญิงไก่" ฐานค้ามนุษย์ในสำนวนที่ 2 กรณีลวงเด็กวัย 16 ปีทำงานบ้านไม่จ่ายเงิน ศาลชี้หลักฐานยังไม่เข้าข่ายความผิด หลังสำนวนแรกสั่งจำคุกไปเมื่อปีที่แล้ว
ที่ห้องพิจารณา 709 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์ หมายเลขดำ คม.98/2559 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ 2 เป็นโจทก์ฟ้องนางมณตา หรือไก่ หยกรัตนกาญ อายุ 60 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานค้ามนุษย์
โดยอัยการโจทก์นำคดีมายื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 29 พ.ย.59 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อช่วงต้นเดือน พ.ค.51- 30 พ.ย.53 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้ฉ้อฉล หลอกลวง น.ส.หน่อน (นามสมมติ) ผู้เสียหาย อายุ 16 ปีเศษ อ้างว่า เป็นคนใจบุญ ชอบช่วยเหลือคนยากจน จึงชักชวนผู้เสียหายไปทำงานที่กรุงเทพฯ จะให้เงินเดือนเดือนละ 5 พันบาท พร้อมอุปการะส่งเสียให้เรียน และส่งเงินให้ทางบ้าน จนหลงเชื่อยอมไปทำงานกับจำเลย จำเลยจึงพาผู้เสียหายจากจ.แม่ฮ่องสอน มาอยู่กับจำเลยที่ประชานิเวศน์คอนโดฯ แต่กลับบังคับให้ผู้เสียหายทำงานเป็นแม่บ้าน หรือคนรับใช้ ตั้งแต่เวลา 05.00 - 22.00 น.ทุกวันโดยไม่มีวันหยุดและไม่จ่ายค่าจ้าง หรือค่าตอบแทนให้ โดยจ่ายแค่เพียงเงินยังชีพเล็กน้อย นอกจากนี้ยังขู่เข็ญผู้เสียหายว่า เป็นหนี้บุญคุณ จะต้องทำงานรับใช้ที่ส่งเสียให้เรียนหนังสือ และส่งเงินให้บิดา มารดา จนผู้เสียหายทนทำงานกับจำเลยไม่ได้ และเดินทางกลับบ้านที่ จ.แม่ฮ่องสอน จำเลยจึงข่มขู่อีกว่า หากไม่กลับมาทำงานเป็นคนรับใช้อีก จำเลยจะไปแจ้งตำรวจจับกุมผู้เสียหาย และบิดามารดา ข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง เมื่อผู้เสียหายปฏิเสธ จำเลยได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เสียหาย จนผู้เสียหายเกิดความกลัว ต้องตกอยู่ในสภาวะจำยอม ไม่สามารถขัดขืนได้ ยอมกลับมาทำงานให้จำเลยต่อไป กระทั่งวันที่ 30 พ.ย.53 ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาให้จำคุกผู้เสียหายเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน ฐานลักทรัพย์นายจ้างรับใช้จำเลย โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4,6,35 และ 52 ด้วย
โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เบิกตัวจำเลยจากทัณฑสถานหญิงกลาง มาฟังคำพิพากษา อย่างไรก็ตามศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า ผู้เสียหายได้รับค่าจ้างประมาณเดือนละ 1,000-3,000 บาท ไม่ครบตามที่ตกลงไว้ และไม่ครบถ้วนตาม พ.ร.บ.แรงงานฯ ในส่วนของการทำงานนั้นมีลักษณะเป็นงานบ้านทั่วไปกับงานที่จำเลยมอบหมายให้ โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งผู้เสียหายและลูกจ้างคนอื่นสามารถพบญาติและออกไปข้างนอกที่พักได้ โดยไม่ได้มีการกักขังหน่วงเหนี่ยว นอกจากนั้นจำเลยยังเคยพาผู้เสียหายและลูกจ้างคนอื่นไปห้างสรรพสินค้าโดยจำเลยเลี้ยงอาหารด้วย โดยผู้เสียหายและลูกจ้างคนอื่นก็เบิกความตรงกันว่าไม่เคยถูกทำร้ายร่างกาย ที่ผู้เสียหายหลบหนีออกจากที่พัก เนื่องจากจำเลยจ่ายค่าจ้างไม่ครบถ้วน ส่วนที่ผู้เสียหายถูกจำเลยแจ้งข้อหาลักทรัพย์ที่ สน.ประชาชื่น ภายหลังหนีออกจากคอนโดฯที่พัก เพราะจำเลยสงสัยว่าผู้เสียหายได้เอาทรัพย์ไปหรือไม่ ซึ่งคำให้การของผู้เสียหายในส่วนนี้ยังมีพิรุธฟังได้ไม่แน่นอน และเมื่อผู้เสียหายมาพบพนักงานสอบสวน จำเลยเป็นคนประกันตัวและรับกลับไปทำงาน โดยทางนำสืบไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการข่มขู่ให้กลับมาทำงาน พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยได้กระทำการข่มขืนใจ บังคับใช้แรงงานคล้ายเอาคนมาเป็นทาส จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานค้ามนุษย์ตามฟ้อง
ส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น การชดใช้ต้องเป็นกรณีที่ศาลพิพากษาว่ากระทำผิด กรณีนี้ศาลจึงไม่อาจมีคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ พิพากษายกฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 59 ศาลอาญาได้พิพากษาจำคุกนางมณตาคดีค้ามนุษย์ที่ คม.76/59 รวม 3 ปี และให้นางมณตา ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหายที่ 2 เป็นเงิน 590,007 บาทด้วย นอกจากนี้เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 60 ศาลอาญาได้พิพากษาจำคุก หญิงไก่ รวม 7 ปี 6 เดือน ฐานดูหมิ่นเบื้องสูงด้วย.
+ อ่านเพิ่มเติม