ทีมงานเว็บไซต์เรื่องเล่าเช้านี้ได้รับการร้องเรียนจากคุณธิชาภัทร ดำรงรัตน์นุวงศ์ จากกรณีถูกคนร้าย 2 คนใส่หมวกกันน็อกเต็มใบทั้งคู่ ขี่ จยย. คาดว่าเป็นรถฮอนด้า รุ่นโซนิก โดยทำการขี่มาบนฟุตบาท ก่อนทำการฉกโทรศัพท์มือถือไปจากมือ ขณะนั่งรอรถประจำทางเพื่อไปทำงานช่วงเช้ามืด เวลา 05.20 น. ของวันที่ 18 เม.ย.2559 บริเวณป้ายรถเมล์หน้าอาคารเมืองไทย-ภัทร คอมเพล็กซ์ ย่านสุทธิสาร กทม. ก่อนที่คนร้ายจะขี่ จยย.ด้วยความเร็ว มุ่งหน้าลงอุโมงค์ห้วยขวาง ตามคำให้การของพลเมืองดี
ก่อนจะเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.สุทธิสาร โดยในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่รับลงบันทึกประจำวัน และประสานกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงติดตามคนร้าย
จากการลงพื้นที่ของทีมข่าวพบว่า จุดที่เกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด และเป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย เนื่องจากไม่มีไฟส่องสว่างในยามวิกาล อีกทั้งในบางครั้งไฟบริเวณป้ายรถเมล์ก็ชำรุด ทำให้บริเวณดังกล่าวมืดสนิท และเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายอย่างยิ่งต่อประชาชนที่ต้องรอรถประจำทาง หรือสัญจรไปมาบริเวณดังกล่าวในช่วงค่ำคืนและเช้ามืด
ในขณะที่ในช่วงเวลากลางวันบริเวณดังกล่าวจะอยู่ใกล้เคียงกับตลาดนัดเมืองไทย-ภัทร ที่รายล้อมไปด้วยอาคารสำนักงานมากมาย ที่จะมีพนักงานออฟฟิศจำนวนมากและประชาชนมาเลือกซื้อสินค้าตลอดช่วงกลางวัน-เย็น
ซึ่งจากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้า และพนักงานออฟฟิศในบริเวณนั้นพบว่ามีผู้เสียหายตกเป็นมิจฉาชีพจากการโดนโจรกรรม ลักทรัพย์ กรีดกระเป๋า และฉกสิ่งของมีค่ากันหลายราย แต่ไม่สามารถติดตามหาผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้ เนื่องจากผู้เสียหายบางรายเข้าแจ้งความ แต่คดีไม่คืบหน้า และไม่สามารถหาหลักฐานได้ จนเป็นเหตุให้คนร้ายย่ามใจก่อเหตุซ้ำซาก โดยมีประชาชนที่ต้องทำมาหากินตกเป็นเหยื่อไม่ซ้ำหน้า
จึงเป็นหน้าที่ของชาวกรุงอย่างเราที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวเองในที่สาธารณะ ไม่ทำตัวสุ่มเสี่ยงกับการตกเป็นเหยื่อที่จะถูกชิงทรัพย์และโจรกรรม ดำเนินชีวิตอย่างมีสติ เพราะหากเกิดเหตุแล้วมีแต่เราที่ต้องเสียทั้งของ เสียทั้งใจ ในขณะที่ โจรยังลอยนวล!