ผู้ปกครองร้อง ! ลูกชายยืนรอรถไปโรงเรียนเฉย ๆ กลับถูกตำรวจเข้าใจผิด คิดว่าให้ของลับใส่ ปรี่เข้าทำร้าย ลากตัวไปโรงพัก ซ้ำโดนขู่ “อยากตายเหรอ ?”
วันที่ 20 ก.ค. 2565 ในรายการ “ข่าวเย็นประเด็นร้อน” ช่วง "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ
ชำนาญ คำเจริญ (หนู) พ่อของเด็กคนที่ 1 ที่ถูกตำรวจทำร้าย เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ ลูกชายตนและเพื่อนลูกชาย ได้ยืนอยู่บริเวณป้ายรถเมล์หน้าสถานีอนามัยเชียงรากน้อย จากนั้นได้มีกลุ่มวัยรุ่น เป็นนักเรียนอีก 3 สถาบัน มายืนรอรถเมล์อยู่บริเวณเดียวกันและแย่งกันขึ้นรถพร้อมกับมีการตะโกนให้ของลับกัน
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยินดังนั้นจึงปรี่เข้ามาหาลูกของตน กล่าวหาว่าลูกชายตนเป็นคนให้ ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ เมื่อลูกชายตนพยายามอธิบาย ตำรวจคนนั้นกลับไม่ฟัง เข้ามาผลักลูกของตนจนล้มลง ใช้มือบีบบริเวณลำคอ พร้อมกับกดและลากไปบริเวณหลังตู้ไปรษณีย์ แล้วตบซ้ำอีก เมื่อเพื่อนของลูกชายจะเข้ามาห้าม ตำรวจคนนั้นก็ละจากลูกชายตนไปบีบคอเพื่อนของลูกชายแล้วลากไปต่อย ซึ่งก็คือลูกของ ธัญรัศม์ บุญญรัตน์ธนกูล (เอม)
ธัญรัศม์ แม่ของเด็กคนที่ 2 ที่ถูกตำรวจทำร้าย ให้ข้อมูลต่อไปว่า จากคำบอกเล่าของลูกชายตน เล่าว่า ลูกชายตนได้เข้าไปถามตำรวจว่าทำอะไรเพื่อน ตำรวจคนนั้นจึงเข้ามาบีบคอ ด่าทอใส่ จับกดลงพื้น แล้วเตะต่อย จากนั้น จึงพาขึ้นรถไปยัง สภ.พระอินทร์ราชา โดยตำรวจคนที่มาทำร้ายไม่ได้นั่งรถไปด้วยกัน แต่ขี่รถจักรยานยนต์ตามไป
เมื่อไปถึง สภ.พระอินทร์ราชา ลูกชายตนได้หยิบโทรศัพท์มือถือมาบันทึกเหตุการณ์ ซึ่งก็เป็นไปตามคลิปวีดิโอที่มีการปรากฏออกมา ที่มีการกระชากลงจากรถแล้วลากขึ้นไปบนสถานีตำรวจ พร้อมใช้วาจาและน้ำเสียงข่มขู่ หยาบคาย จนถึงขั้นถามว่า “อยากตายเหรอ ?”
ชำนาญ ได้ตั้งคำถามว่า เด็กอายุ 14-15 ปี แค่มีตำรวจล้อม 7-8 คน เด็กก็คงจะหวาดกลัวอยู่แล้ว แม้กระทั่งตนถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็คงรู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน แต่นี่มีการข่มขู่และใช้ถ้อยคำหยาบคายอย่างที่ได้ยินอีก วุฒิภาวะของตำรวจ สมควรที่จะใช้คำพูดแบบนี้กับเด็กอายุ 14-15 ปี หรือไม่
เสาวนีย์ คำเจริญ (หนูแดง) แม่ของเด็กคนที่ 1 ที่ถูกตำรวจทำร้าย เปิดเผยว่า ในตอนนี้ลูกของตนก็ยังไม่กล้าไปโรงเรียน เพราะกลัวว่าจะต้องไปเจออะไรอีกในจุดเกิดเหตุ ขณะที่ ธัญรัศม์ ก็กังวลเรื่องตำรวจ และเรื่องความปลอดภัยเช่นกัน พร้อมกับให้ข้อมูลต่อไปว่า ก่อนหน้านี้ ลูกชายตนเคยโดนตำรวจต่อยท้องด้วย โดยทางตำรวจอ้างว่าทำไปเพื่อขอค้นอาวุธ
ในส่วนของการดำเนินคดี ชำนาญ กล่าวว่า พบความผิดปกติในหลายจุด โดยเริ่มแรก ได้เข้าไปแจ้งความกับร้อยเวร แต่ร้อยเวรคนดังกล่าวกลับไม่รู้จัก ยศ ชื่อ นามสกุล ของตำรวจผู้ก่อเหตุ ซึ่งน่าแปลกใจเพราะทำงานอยู่ใน สภ.เดียวกันแต่ทำไมไม่รู้จักกัน ตนจึงทักท้วง ก็ได้รับการชี้แจงว่าเพิ่งย้ายมาจึงไม่รู้จักกัน แต่ต่อมาก็ได้มีการระบุเพียงชื่อผู้ก่อเหตุว่า สำรวย จนวานนี้ (19 ก.ค. 65) ทางผู้กำกับ สภ.พระอินทร์ราชา ได้มาช่วยจัดการ จึงได้มีการระบุ ยศ ชื่อ นามสกุล ผู้ก่อเหตุว่า ร.ต.ต.สำรวย (สงวนนามสกุล) พร้อมกันนี้ ยังได้ชี้แจงว่าจะให้ความเป็นธรรม แต่ก็มีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่แฝงตัวอยู่ในวงสื่อมวลชนแอบถ่ายภาพลูกชายของตน ตนจึงได้มีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่คนนั้นว่าได้มาขออนุญาตหรือยัง และถ่ายไปเพื่ออะไร โดยเขาได้เหตุผลว่าจะถ่ายเพื่อไปทำรายงาน แต่ตนก็กังวลเรื่องของความปลอดภัย และขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ทางด้าน พ.ต.อ.มนัส อัดโดดดร ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา โทรศัพท์เข้ามาชี้แจงกับทางรายการว่า ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเป็นคณะของตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยามา 1 คณะ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทางวินัย ในส่วนของการสอบสวนคดีอาญา ก็ได้มีการตั้งคณะสอบสวนอีกคณะสำหรับเรื่องคดี โดยมีรองผู้กำกับและพนักงานสอบสวนอีก 2 คน เป็นลูกคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งเดินเนินการโดย สภ.พระอินทร์ราชา
ทั้งนี้ ก็มีการตั้งข้อสงสัยว่า ผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจใน สภ.พระอินทร์ราชา หากดำเนินการสอบสวนโดยตำรวจ สภ. เดียวกัน จะเกิดความเป็นธรรมหรือโปร่งใสหรือไม่ พ.ต.อ.มนัส ได้ให้คำมั่นว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย แต่หากผู้ปกครองรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถยื่นเพื่อขอให้ทางตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งเป็นตำรวจจากท้องที่อื่นเข้ามาดำเนินการได้ ในส่วนของตำรวจผู้ก่อเหตุ พ.ต.อ.มนัส เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกันแล้ว และได้ให้ทำรายงานชี้แจงขึ้นมา
นอกจากนี้ ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีรัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ฝากมายังทีมงาน ถกไม่เถียง ว่า ถ้าครอบครัวไม่ได้รับความเป็นธรรม จะช่วยเข้ามาดูและเร่งรัดให้ แต่ไม่ก้าวก่ายการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ติดตาม รายการข่าวเย็นประเด็นร้อน ช่วง "ถกไม่เถียง" ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35